Page 136 - งานนำเสนอ PowerPoint
P. 136
126
ยางสังเคราะห์ที่ควรรู้จักมีดังนี้
(1) ยางบิวไทล์ (Butyl Rubber: IR) เป็นโคพอลิเมอร์ระหว่างมอนอเมอร์ของ 1โซพรีนและไอโซบิว
ทาลิน มีสมบัติทนต่อความดันไอน้ําได้สูง และมีความเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี นํามาใช้ ทํายางในรถยนต์ ยางกัน
กระแทก ปลอกหุ้มสายไฟ
(2) ยางบิวทาไดอื่น (Butadiene Rubber: BR) หรือยางบิวนา (Buna Rubber) มี ความยืดหยุ่น มี
ความต้านทานต่อการขัดถู มีความสามารถในการหักงอที่อุณหภูมิต่ํา มีความร้อนสะสม ในยางต่ํา และเป็นยางที่
ไม่มีขั้วจึงทนต่อน้ํามันหรือตัวทําละลายที่ไม่มีขั้ว ส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรม ยางล้อ เพราะเป็นยางที่มีความ
ต้านทานต่อการขัดถูสูง และมักถูกนําไปทําไส้ในลูกกอล์ฟและลูกฟุตบอล
เนื่องจากมีสมบัติการกระเด้งตัวได้ดี
(3) ยางสไตรีน-บิวทาไดอื่น (Styrene-Butadiene Rubber: SBR) เกิดจากการ ผสมระหว่างมอนอ
เมอร์ 2 ชนิด คือ สไตรีนและบิวทาไดอื่น เป็นยางสังเคราะห์ที่สําคัญและใช้กันอย่าง แพร่หลาย
อุตสาหกรรมยาง เนื่องจากมีความยืดหยุ่น ทนต่อการแตกสลายได้ดี ราคาไม่แพง อีกทั้งสามารถแปรรูปได้ง่าย
จึงทําให้ประหยัดทั้งต้นทุนวัตถุดิบและแรงงานการผลิต นํามาใช้ผลิตสายพาน ลําเลียง ท่อยาง พื้นรองเท้า
ฉนวนหุ้มสายไฟ ผสมทํายางรถยนต์ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เป็นต้น
(4) ยางซิลิโคน (Silicone Rubber) เป็นยางสังเคราะห์ที่ใช้งานเฉพาะอย่าง ทนทาน ต่อความร้อน
ได้สูง เนื่องจากยางซิลิโคนเป็นยางที่มีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นการใช้งานก็จะใช้สําหรับงาน เฉพาะหรือเป็น
ชิ้นส่วนเล็กๆ เช่น ใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องกลต่างๆ ที่ใช้ในอุณหภูมิสูงหรือต่ํา ทําอวัยวะเทียมทางการแพทย์
เครื่องอุปโภคบริโภคที่เน้นความสะอาดเป็นหลัก เป็นต้น
(5) ยางคลอโรพรีน (Chloroprene Rubber: CR) หรือยางนีโอพรีน (Neoprene Rubber) เป็นยาง
ที่สังเคราะห์จากมอนอเมอร์ของคลอโรพรีน มีสมบัติทนไฟ มีความทนต่อสารเคมี และน้ํามัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ยางที่
ใช้งานในลักษณะดังกล่าว เช่น ยางซีล ท่อยางเสริมแรง ยางพัน ลูกกลิ้ง ยางรองคอสะพาน ยางสายพานลําเลียง
ในเหมืองแร่ เป็นต้น