Page 47 - <4D6963726F736F667420576F7264202D20C3B8B93120BEC3D0C3D2AAE2CDA7A1D2C320E1A1E920332E646F63>
P. 47

หน้า   ๔๗

              เล่ม   ๑๓๔   ตอนที่   ๔๐   ก          ราชกิจจานุเบกษา                    ๖   เมษายน   ๒๕๖๐


                      (๒)  มีอายุไม่ต่ํากว่าสามสิบห้าปี
                      (๓)  สําเร็จการศึกษาไม่ต่ํากว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

                      (๔)  มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
                      (๕)  ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

                      (๖)  ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา  ๙๘
                      (๗)  ไม่เป็นผู้ต้องคําพิพากษาให้จําคุก  แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด  หรือมีการรอการลงโทษ
              เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท  ความผิดลหุโทษ  หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

                      (๘)  ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะเหตุกระทําการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา  ๑๘๖
              หรือมาตรา  ๑๘๗  มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง

                      มาตรา  ๑๖๑  ก่อนเข้ารับหน้าที่  รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคํา
              ดังต่อไปนี้
                      “ข้าพระพุทธเจ้า  (ชื่อผู้ปฏิญาณ)  ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า  ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี

              ต่อพระมหากษัตริย์  และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
              ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

                      ในกรณีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนที่จะถวายสัตย์ปฏิญาณ
              ให้คณะรัฐมนตรีนั้นดําเนินการตามมาตรา  ๑๖๒  วรรคสองได้  ในกรณีเช่นนี้  ให้คณะรัฐมนตรีตามมาตรา  ๑๖๘  (๑)
              พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมดังกล่าว

                      มาตรา  ๑๖๒  คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
              ซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ  แนวนโยบายแห่งรัฐ  และยุทธศาสตร์ชาติ  และต้องชี้แจงแหล่งที่มา

              ของรายได้ที่จะนํามาใช้จ่ายในการดําเนินนโยบาย  โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ  ทั้งนี้  ภายในสิบห้าวัน
              นับแต่วันเข้ารับหน้าที่
                      ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามวรรคหนึ่ง  หากมีกรณีที่สําคัญและจําเป็นเร่งด่วน  ซึ่งหากปล่อยให้

              เนิ่นช้าไปจะกระทบต่อประโยชน์สําคัญของแผ่นดิน  คณะรัฐมนตรีที่เข้ารับหน้าที่จะดําเนินการไปพลางก่อน
              เพียงเท่าที่จําเป็นก็ได้

                      มาตรา  ๑๖๓  รัฐมนตรีย่อมมีสิทธิเข้าประชุมและแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น
              ในที่ประชุมสภาแต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน  เว้นแต่เป็นการออกเสียงลงคะแนนในสภาผู้แทนราษฎร
              ในกรณีที่รัฐมนตรีผู้นั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย  และให้นําเอกสิทธิ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา  ๑๒๔

              มาใช้บังคับโดยอนุโลม
                      มาตรา  ๑๖๔  ในการบริหารราชการแผ่นดิน  คณะรัฐมนตรีต้องดําเนินการตามบทบัญญัติ

              แห่งรัฐธรรมนูญ  กฎหมาย  และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา  และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ด้วย
                      (๑)  ปฏิบัติหน้าที่และใช้อํานาจด้วยความซื่อสัตย์  สุจริต  เสียสละ  เปิดเผย  และมีความรอบคอบ
              และระมัดระวังในการดําเนินกิจการต่าง ๆ  เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม
   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52