Page 7 - E_Sarn SKR12 Y4 V.3 April-June 62
P. 7

รู้ทัน ป้องกันโรค


          ซิฟิลิสติดต่อได้อย่างไร


              โรคซิฟิลิส เป็นโรคที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การรับเลือดจากผู้ที่ติดเชื้อ หรือจากแม่ที่ติดเชื้อซิฟิลิสแล้วไม่ได้รับ
          การรักษาสู่ทารกในครรภ์  หลังจากได้รับเชื้อในช่วงแรกอาจจะพบแผลที่อวัยวะเพศ หลังจากนั้นแผลจะหายได้เอง และจะมีผื่น
          ตามร่างกาย ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือที่อวัยวะเพศ อาจมีผมร่วงเป็นหย่อมๆ ได้ โดยผู้ติดเชื้อบางรายอาจจะไม่แสดงอาการ แต่เชื้อนั้น

          จะอยู่ในร่างกายถ้าไม่ได้รับการรักษา เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เชื้อนี้สามารถก่อให้เกิดความผิดปกติที่สมอง และระบบหัวใจ
          และหลอดเลือดได้ เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดง ผู้ป่วยจะทราบว่าติดเชื้อได้ต่อเมื่อมีการไปตรวจเลือด เช่น การตรวจเลือด
          เพื่อบริจาคเลือด หรือการตรวจคัดกรองในระยะฝากครรภ์ ซึ่งโรคนี้มียารักษาและสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ควรมีการตรวจ
          ติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูระดับผลเลือด

          อาการของโรคซิฟิลิส

          • ซิฟิลิสระยะแรก

              แผลริมแข็ง ตุ่มแดง ขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ
          มักเกิดบริเวณอวัยวะเพศชาย อัณฑะ ทวารหนัก

          ช่องคลอด หรือ ริมฝีปาก หลังจากรับเชื้อ
          ประมาณ 10-90 วัน จะเป็นแผลประมาณ 1-5
          สัปดาห์ แล้วจะหายไปเองโดยไม่ได้รักษา

          • ระยะที่สอง
              จะเกิดผื่นในช่วงที่แผลริมแข็งหายไป 2-3 สัปดาห์ ลักษณะผื่นมีสีแดง

          หรือสีน้ำาตาล ไม่คัน มักพบบริเวณฝ่าเท้า ฝ่ามือ มีไข้ ผมร่วงเป็นหย่อมๆ
          ต่อมน้ำาเหลืองโต เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ
          1-3 เดือน แล้วจะค่อยๆหายเอง ระยะนี้ถ้าตรวจเลือดจะพบว่า “เลือดบวกซิฟิลิส”

          • ระยะแฝงและระยะท้าย
              เชื้อจะไม่แสดงอาการจนผ่านไปแล้ว 10-20 ปี จะเข้าสู่ระยะหลังเชื้อซิฟิลิส

          จะค่อยๆ ทำาลายอวัยวะภายในของร่างกาย เช่น สมอง เส้นประสาท ตา หัวใจ
         เส้นเลือด กระดูก ทำาให้ตาบอดและอาจถึงขั้นเสียชีวิต
              ซิฟิลิสแต่กำาเนิด มารดาที่ติดเชื้อซิฟิลิสขณะตั้งครรภ์ อาจแท้ง หรือทารกตาย
         ในครรภ์ เด็กที่รอดชีวิตอาจจะดั้งจมูกยุบ ปากแหว่ง เพดานโหว่ ตาบอด

          วิธีป้องกันการติดเชื้อซิฟิลิส


              สำาหรับการป้องกันโรคนั้น แนะนำาให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และรับผิดชอบ
          ต่อคู่และสังคม ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หากมีความเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
          ขอแนะนำาให้เจาะเลือดเพื่อตรวจคัดกรองซิฟิลิสและเอชไอวีอย่างสม่ำาเสมอ

          เพื่อดูแลสุขภาพของตนเองและลดโอกาสการแพร่เชื้อของโรคได้

                กรมควบคุมโรค มีนโยบายสนับสนุนการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งประชาชนสามารถรับถุงยางอนามัยได้โดยไม่เสีย

           ค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ผ่านสถานบริการของรัฐและหน่วยงานสังกัดกรมควบคุมโรค รวมทั้งสอบถามข้อมูลความรู้
           ในการป้องกันตนเองและคู่ให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ การใส่ถุงยางอนามัย
           อย่างถูกวิธีได้ที่ สายด่วนปรึกษาเอดส์ โทร.1663 หรือที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422


                                                                   ข้อมูลจาก : สำานักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
                                                                                     / สำานักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

                                                                                                                7
   2   3   4   5   6   7   8