Page 7 - Merged-๒๐๑๘๑๑๐๙-๑๕๕๘๑๒
P. 7

เมื่อมีโอกาส
                         จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบที่เมืองโบราณยะรังทราบว่า แต่เดิมชาวเมืองป๎ตตานีนับถือศาสนา
                  พุทธและพราหมณ์และเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามหลังจากที่อาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอ านาจ โดยได้รับ

                  อิทธิพลจากราชวงศ์มัชปาหิตในชวาที่แผ่อ านาจเข้ามาสู่แหลมมลายูก่อให้เกิดความร่วมมือด้านการเมือง
                  และด้านเศรษฐกิจท าให้การค้าในภูมิภาคเข้มแข็งและส่งผลให้ศาสนาอิสลามมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น
                  นอกจากนี้ มีการก่อสร้างมัสยิดเพื่อใช้ประกอบศาสนกิจที่ส าคัญคือ มัสยิดกรือเซะและมัสยิดบ้านดาโต๊ะ
                  ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟูาจุฬาโลกมหาราช (พ.ศ. ๒๓๒๕ – ๒๓๕๒) ทรงโปรดเกล้าฯ

                  ให้สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทยกทัพหลวงมาปราบปรามพม่าที่มาตีหัวเมืองทางแหลมมลายู
                  จนเรียบร้อยและในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ กรมพระราชวังบวรฯ เสด็จลงไปประทับที่เมืองสงขลาได้มีกระแสรับสั่ง
                  ออกไปยังหัวเมืองป๎ตตานี เมืองไทรบุรีและเมืองตรังกานูให้มายอมเป็นเมืองขึ้นเช่นเดิม แต่สุลต่านมูฮัมหมัด

                  พระยาป๎ตตานีในขณะนั้นขัดขืนกรมพระราชวังบวรฯ จึงมีรับสั่งให้พระยากลาโหมยกกองทัพไปตีเมือง
                  ป๎ตตานี ได้ในปี พ.ศ. ๒๓๒๙ โดยได้กวาดต้อนครอบครัวและศาสตราวุธมาเป็นจ านวนมาก รวมทั้งปืนใหญ่
                  ๒ กระบอก แต่สามารถน ามาได้เพียงกระบอกเดียวจึงน าขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอด
                  ฟูาจุฬาโลกและทรงโปรดเกล้าฯ ให้จารึกชื่อปืน “พญาตานี”  นับว่าเป็นปืนใหญ่กระบอกใหญ่ที่สุดของ
                  ประเทศไทย ป๎จจุบันตั้งอยู่หน้ากระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร

                         ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ. ๒๓๕๒ –  ๒๓๖๗) เกิดความไม่สงบ
                  บ่อยครั้งจึงโปรดเกล้าฯ ให้มีผู้ก ากับดูแลหัวเมืองมลายู โดยแบ่งเมืองตานีออกเป็น ๗ หัวเมือง ประกอบด้วย
                  เมืองป๎ตตานี เมืองยะหริ่ง เมืองสายบุรี เมืองหนองจิก เมือง ระแงะ เมืองรามันห์และเมืองยะลา ต่อมาในรัช

                  สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกวิธีการปกครองแบบจตุสดมภ์
                  (เวียง วัง คลัง นา) ตั้งแต่ปี  พ.ศ.๒๔๓๕ เป็นต้นมา โดยจัดการปกครองแบบ ๑๒ กระทรวง มี
                  กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงการแผ่นดินได้จัดการปกครองเป็นระบบเทศาภิบาล โดยจัดแบ่งเป็น
                  มณฑลทรงใช้นโยบายประนีประนอมและด าเนินการเป็นขั้นตอนเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อการ

                  ปกครองของเจ้าเมืองทั้ง ๗ หัวเมือง ประกอบด้วย ป๎ตตานี ยะหริ่ง สายบุรี หนองจิก ระแงะ รามันห์ และ
                  ยะลา ซึ่งขึ้นกับมณฑลนครศรีธรรมราชมีข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลเป็นผู้ว่าราชการเมืองดูแล ต่อมาในปี
                  พ.ศ.๒๔๔๙ ได้แยกหัวเมืองทั้ง ๗ ออกจากมณฑลนครศรีธรรมราชมาตั้งเป็นมณฑลป๎ตตานีพร้อมทั้งเปลี่ยน

                  ฐานะเมืองเป็นอ าเภอและจังหวัด ได้แก่
                                จังหวัดป๎ตตานี   รวมเมืองหนองจิกและเมืองยะหริ่ง
                                จังหวัดสายบุรี   รวมเมืองระแงะ
                                จังหวัดยะลา   รวมเมืองรามันห์
                         ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ตกต่ าภายหลัง

                  จากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.๒๔๗๕ รัฐบาลจ าเป็นต้องตัดทอนรายจ่ายให้น้อยลงเพื่อรักษา
                  เสถียรภาพทางการคลังของประเทศจึงให้ยุบเลิกมณฑลป๎ตตานีคงสภาพเป็นจังหวัด ยุบจังหวัดสายบุรีเป็น
                  อ าเภอตะลุบัน (ภายหลังชื่ออ าเภอสายบุรี)  และแบ่งพื้นที่บางส่วนของสายบุรีคือระแงะและบาเจาะไป

                  ขึ้นกับจังหวัดนราธิวาส
                  ที่มา : วัฒนธรรมพัฒนาการทางประวัติศาสตร์เอกลักษณ์และภูมิป๎ญญาจังหวัดป๎ตตานี หน้า ๒๗ – ๓๓


                  ค าขวัญจังหวัด
                    "เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ า ชนน้อมน าศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ป๎ตตานีสันติสุขแดนใต้"


                  สรุปผลการด าเนินงานของส านักงานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี ประจ าปี ๒๕๖๑                  2
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12