Page 19 - รายงานวิจัยน้ำทะเล_Neat
P. 19

9



                       กัดเซาะชายฝั่งทะเล ตั้งแต่ปากแม่น้ าเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ถึงปากแม่น้ าปราณบุรี จังหวัด
                       ประจวบคีรีขันธ์ พบว่า เขื่อนแก่งกระจานดักปริมาณตะกอนไว้ประมาณ 65,438 ตันต่อปี และเขื่อน
                       ปราณบุรีดักปริมาณตะกอนไว้ประมาณ 54,856 ตันต่อปี ขณะที่แม่น้ าขนาดใหญ่ที่ไหลลงสู่ชายฝั่ง
                       ทะเลด้านอันดามัน ซึ่งแม้ว่าไม่มีเขื่อนปิดกั้นแต่ปริมาณตะกอนสะสมตัวบริเวณชายฝั่งทะเลด้านนี้

                       กลับมีปริมาณลดลง เนื่องจากการตักหรือดูดตะกอนทรายในแม่น้ าไปใช้ประโยชน์ในกิจการต่างๆ และ
                       การขุดลอกปากแม่น้ า เพื่อการคมนาคมขนส่งทางน้ า
                                      1.2.3 การพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเล
                       ขนาดใหญ่ มีผลท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการชายฝั่งทะเลตามธรรมชาติ เช่น การพัฒนา

                       นิคมอุตสาหกรรมด้านอ่าวไทย โดยท าการถมทะเลและสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ในทะเล ซึ่งกีดขวาง
                       กระบวนการเคลื่อนตัวของมวลทรายชายฝั่งทะเล ในขณะที่บริเวณฝั่งทะเลอันดามันยังมีโครงการ
                       ประเภทนี้เกิดขึ้นน้อย แต่กิจกรรมต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น การก่อสร้างโรงแรม
                       รีสอร์ท และบ้านพักอาศัย และการดูดน้ าบาดาลมาใช้ท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ชายฝั่ง

                       ทะเลเกิดปัญหาแผ่นดินทรุด และมักมีปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลบริเวณดังกล่าวมากขึ้น
                       รวมทั้งการก่อสร้างถนนและทางรถไฟขนานกับแนวชายฝั่งทะเลเป็นสาเหตุที่ท าให้ตะกอนบนบกไม่
                       สามารถเคลื่อนตัวสู่ชายหาดได้ตามธรรมชาติโดยเฉพาะในฤดูน้ าหลาก นอกจากนี้การขุดกะซ้าหอยที่

                       ปะปนอยู่กับทรายที่ชายหาด เพื่อน าไปประดับตู้ปลาสวยงามท าให้แหล่งพักของตะกอนชายหาดลดลง
                                      1.2.4 กระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ตามธรรมชาติ กระบวนการเปลี่ยนแปลง
                       ชายฝั่งทะเลตามธรรมชาติ อันเกิดจากอิทธิพลของคลื่นกระแสน้ า น้ าขึ้น-น้ าลง ลมและพายุ
                       เป็นกระบวนการที่ท าให้เกิดการพัดพาและเคลื่อนที่ของตะกอนตามแนวชายฝั่งทะเลและก่อให้เกิด
                       อิทธิพลต่อพื้นที่ชายฝั่งทะเลในลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสะสมของตะกอน ทั้งนี้มรสุม

                       ตะวันออกเฉียงเหนือและมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่งตาม
                       ธรรมชาติในรอบปี โดยแนวชายฝั่งตะวันออกมีปริมาตรทรายตามแนวชายฝั่งลดลงในช่วงมรสุม
                       ตะวันออกเฉียงเหนือ แต่มีปริมาตรมากขึ้นในช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และกรณีพายุขนาดใหญ่

                       พัดเข้าสู่ชายฝั่งอ่าวไทยก็ท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวชายฝั่งเช่นกัน (กรมทรัพยากรทางทะเล
                       และชายฝั่ง, 2551) ดังภาพที่ 2.1
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24