Page 158 - Marketting_Neat00
P. 158
การเปลี่ยนราคาสินค้าจะทําให้ปริมาณความต้องการซื้อเปลี่ยนแปลงไปจากรูปกราฟ ที่ระดับ
ราคา 40-30 บาท ปริมาณความต้องการซื้อสินค้าเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย เรียกว่า อุปสงค์มีความ
ยืดหยุ่นน้อย (Inelastic Demand) แต่ที่ระดับราคาต่ำกว่า 30 บาทลงมา ปริมาณความต้องการซื้อ
สินค้า จะเปลี่ยนแปลงมาก เรียกว่า อุปสงค์มีความยืดหยุ่นมาก (Elastic Demand) ซึ่งทําให้กิจการมี
ยอดขาย มากขึ้น แต่ต้องคํานึงถึงต้นทุนการผลิตด้วยว่าที่ต้นทุนระดับใดทําให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด เช่น
ต้นทุนคงที่ในการผลิตต่ำกว่า 2,000 หน่วย = 15,000 บาท
ตั้งแต่ 2,001 - 4,000 หน่วย = 20,000 บาท
ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย = 5 บาท
ตารางการกําหนดราคาโดยพิจารณาต้นทุนการผลิต
(1) (2) (3) (4) (5) (6) (7)
ระดับราคา ปริมาณซื้อ ยอดขาย ทุนผันแปร ต้นทุนคงที่ ต้นทุนรวม กำไร
(บาท) (หน่วย) (1)x(2) รวม5x(2) รวม (4)+(5) (3)-(6)
10 3,000 30,000 15,000 20,000 35,000 (5,000)
20 2,000 40,000 10,000 15,000 25,000 15,000
30 1,000 30,000 5,000 15,000 20,000 10,000
40 800 32,000 4,000 15,000 19,000 13,000
จากตาราง ถ้ากิจการปรับราคาขายลดลงเหลือ 10 บาทถึงแม้จะทําให้มีปริมาณซื้อสูงมากที่สุด
ถึง 3,000 หน่วย แต่ก็ทําให้เกิดภาวะขาดทุน (5,000 บาท) เนื่องจากมีต้นทุนในการผลิตจํานวนมาก แต่
ที่ระดับราคา 20 บาท ต้นทุนการผลิตอยู่ในระดับปานกลาง ทําให้กิจการมีกําไรสูงสุด ขณะเดียวกัน
ต้นทุนต่ำสุดก็มิได้หมายความว่าจะทําให้กิจการมีกําไรสูงสุดด้วย
นโยบายราคา (Pricing Policy)
นโยบายราคา เป็นแนวทางในการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของกิจการ โดยมีการวางแผนและ
อาศัยวิธีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และช่วยให้กิจการบรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่ง
นโยบายราคาที่นิยมใช้ ได้แก่
1. นโยบายระดับราคา (Price Level Policy) แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
1.1 ระดับราคาตามราคาตลาด (Meet the Market Price) เป็นการกําหนดราคาให้เท่ากับ คู่
แข่งขันที่มีอยู่ในตลาดขณะนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามราคาหรือการตัดราคากันเนื่องจากตลาด มี
การแข่งขันสมบูรณ์ (Pure Competition Market) และผลิตภัณฑ์ไม่มีความแตกต่างกัน
151