Page 81 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 81
๗๕
ธรรมเนียมการสวดพระมาลัย
่
การสวดมาลัยเป็นประเพณีประจํางานศพ แตเดิมพระสงฆ์เป็นผู้สวดโดยจะสวดหลังจากท ี่
้
สวดพระธรรมเสร็จแล้ว พระที่สวดมีจํานวน ๔ รูป หรือ ๑ เตียง ใช้ตาลป๎ตรบังหน้า ใชบทสวดจาก
ํ
หนังสือพระมาลัยหรอทเรียกว่าพระมาลัยคําสวด (คาสอน) เนื้อหาเป็นธรรมะสั่งสอนให้ผู้ฟ๎งเกรง
ี่
ื
ี
กลัวต่อบาป กลัวอกุศลกรรม การสวดมาลัยนอกจากเพื่อสั่งสอนสาธุชนแล้วยังเป็นวิธการแก้ความ
เงียบเหงาในขณะเฝูาศพ และเพื่อให้เจ้าภาพหรือญาติผู้ตายทุเลาความเศร้าโศกด้วย
์
ี่
สําหรับผู้สวดมาลัยทเป็นคฤหัสถ คณะหนึ่งเรียกว่า "วงมาลัย" วงมาลัยวงหนึ่ง ๆ ควรจะมีประมาณ
ู่
๔-๖ คน เป็นแม่เพลง ๒ คน เรียกว่า "แม่คู่" หรือ "ต้นเพลง" ส่วนที่เหลือเป็นลูกค หรือ "คู่หู" ลูกคู่มี
้
หน้าที่ร้องรบการสวดของแม่เพลงและจะมีการแสดงท่าทางประกอบดวย โดยทุกคนในวงจะร่วมกัน
ั
แสดงท่าทางและเสียงประกอบให้เข้ากันกับบทที่สวด อาจมีขลุ่ยและรํามะนาเป็นเครื่องดนตรี
ประกอบ การแตงกายส่วนใหญ่จะแต่งกายตามปกติ แตบางวงจะแตงกายตามเนอเรื่อง
่
่
ื้
่
ึ้
การสวดมาลัยจะเริ่มขนหลังจากที่พระสวดพระอภิธรรมเสร็จแล้ว โดยเริ่ม "ตั้งนะโม" เพื่อเป็นการ
สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย และ "ไหว้คุณ" คือไหว้ครูอาจารยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทเคารพนับถอ
ี่
ื
์
ต่อจากนนจึงสวดบท "ในกาล" อนเป็นบทเริ่มเนอเรื่องในหนังสือพระมาลัย ที่เรียกว่าบทในกาลนน
ั้
ั
ื้
ั้
ึ้
้
ึ้
้
เพราะคําขนตนของบทสวดในตอนนี้ขนตนว่า "ในกาลอันลับล้น" เป็นการเล่าประวัตของพระมาลัย
ิ
ในการที่ได้โปรดสัตว์ทงหลายในสวรรค์และนรก ผู้ร้องบทนี้จะเป็นผู้ชาย เมื่อจบบทในกาลแล้วก็จะ
ั้
ุ
ขึ้นบท "ลํานอก" หรือเรียกว่า "เรื่องเบ็ดเตล็ด" คือจะเป็นเรื่องจากวรรณคดีต่าง ๆ เชน ขนช้าง
่
้
ขุนแผน สังข์ทอง พระอภัยมณี อิเหนา จันทโครพ เป็นตน การแทรก "ลํานอก" เข้ามาก็เพื่อเปลี่ยน
ั
ี้
บรรยากาศให้เกิดความสนุกสนาน ในบทลํานอกนอาจร้องเป็นทํานองเพลงลําตด เพลงนา หรือเพลง
ี้
ื
ฉ่อย ก็ได้ แต่ส่วนมากนิยมว่าเป็นเป็นเพลง "ลําตด" ชาวบ้านมักเรียกบทนว่า "บทยักมาลัย" คือถอ
ั
ั
เป็นการพลิกแพลงตามความถนดของผู้เล่น แต่เดิมไม่มีการเล่นลํานอก หรือเล่นเบ็ดเตล็ด เพิ่งจะมี
ขึ้นในภายหลัง เพื่อที่จะให้การสวดมาลัยมีความสนุกสนานเพิ่มขน
ึ้
ในสมัยก่อนการฝึกหัดหรือการซ้อมสวดมาลัยมีป๎ญหามาก เพราะการสวดมาลัยทํากันเฉพาะใน งาน
ศพ หากฝึกหัดหรือซ้อมสวดมาลัยในบ้านถือว่าไม่เป็นมงคล ผู้ฝึกหัดหรือวงมาลัยจึงตองไปซ้อมหรือ
้
ุ่
ี่
ฝึกหัดกันทขนํากลางทงนา ชายปุาช้า ในวัด หรือในโรงนา ไม่เป็นที่สะดวกนัก จึงทําให้ประเพณีการ
สวดมาลัยคอย ๆ เสื่อมหายไปในป๎จจุบัน
่