Page 18 - local17.8.62new
P. 18

ก่อนที่อีหม่ำมเลำนะจะเสียชีวิต ประมำณ ๒-๓ ปี คือรำวปีพ.ศ. ๒๔๗๓ ได้มีผู้รู้ทำงศำสนำ

           เชื้อสำยปำกีสถำนท่ำนหนึ่งชื่อ “ท่ำนโมลวีกำยิมมำคิน” อพยพมำจำกประเทศปำกีสถำน เป็นผู้

           มีชื่อเสียงมำกในกำรอ่ำนพระมหำคัมภีร์-กุรอ่ำน ได้อย่ำงมีควำมไพเรำะเพรำะพริ้ง ท่ำนอำศัย

           อยู่ในย่ำนช้ำงคลำน เมื่ออีหม่ำมเลำนะเสียชีวิตลง ชำวมุสลิมช้ำงเผือกในยุคนั้นได้เชิญให้ท่ำน

           มำเป็นอีหม่ำมประจ ำมัสยิดสืบแทน ท่ำนได้ท ำหน้ำที่อีหม่ำมประจ ำมัสยิดดุน-นุร (ช้ำงเผือก)

           เป็นเวลำถึง ๓๐ ปี ท่ำนเป็นผู้มีควำมประพฤติอันงดงำม ปฏิบัติศำสนกิจ อย่ำงเคร่งครัด

           สม ่ำเสมอ ตลอดกำรมีชีวิตของท่ำน อีกทั้งท่ำนยังได้สร้ำงควำมเจริญก้ำวหน้ำ ในด้ำนกำรศึกษำ

           สังคมให้กับชุมชนมุสลิมช้ำงเผือกอย่ำงมำก เมื่อท่ำนถึงแก่กรรมศพของท่ำนถูกฝั่งไว้ในบริเวณ

           เขตก ำแพงมัสยิด ด้ำนขำวมือของประตูมัสยิด ปัจจุบัน ลูกหลำนของท่ำนได้ย้ำย ไปฝั่งยังกุโบร์




                   ต่อมำในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ คณะกรรมกำรมัสยิดและสัปปุรุษ เห็นควรให้มีกำรปรับปรุงสร้ำง
               อำคำรมัสยิดขึ้นใหม่ เนื่องจำกอำคำรมัสยิดเดิมช ำรุดทรุดโทรมลงมำก พี่น้องมุสลิมที่อพยพ


               เข้ำมำอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมมือร่วมใจ กัน ระดมทุนเพื่อช่วยในกำรก่อสร้ำงมัสยิด โดยมี
               คณะกรรมกำรควบคุมกำรก่อสร้ำง ในสมัยนั้นคือ ฮัจญีศรีบุตร วำรีย์ เป็นประธำน และ มี


               นำยนำนำ มูฮัมมัด หุเซ็น นำยน้อย บรรณศักดิ์ นำยซิดดิก เจ้ำดูรี เป็นกรรมกำร และมัสยิด
               ส ำเร็จลุล่วงด้วยดีในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ เป็นอำคำรชั้นเดียวก่ออิฐถือปูน หลังคำเป็นกระโจมรูป


               เดิม แลดูมั่นคงสง่ำงำม ตำมลักษณะสถำปัตยกรรมแบบปำกีสถำน และยังคงตั้งเด่นอยู่ริม

                       ถนนโชตนำ ตลำดช้ำงเผือกปัจจุบันถนนช้ำงเผือก ต ำบลช้ำงเผือก อ ำเภอเมือง


                       จังหวัดเชียงใหม่ 50300




  โรงเรียนเทศบาลวัดเชียงยืน
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23