Page 8 - Template หลักสูตรระดับปริญญาตรี
P. 8
- 6 - มคอ.2 ปริญญาตรี
ั
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพฒนาบุคลากรด้านการบริหารงานต ารวจและกระบวนการยุติธรรมเนื่องจากวิทยาลัยฯ
มีบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการกับส านักงานต ารวจแห่งชาติ ประกอบการที่ประเทศไทยได้
ปรับและก าหนดทิศทางในการขับเคลื่อนการพฒนาให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 -
ั
2579), แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) ตลอดจน นโยบายความมั่นคง
แห่งชาติ พ.ศ. 2558 – 2564 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายไปสู่การสร้างความ “มั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน” ให้กับประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้วิทยาลัยการจัดการเพื่อการพัฒนาจึงมีหน้าที่และความจ าเป็นที่จะต้องปรับปรุงหลักสูตร
รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารงานต ารวจและกระบวนการยุติธรรม ให้สอดคล้องกับ
ั
ทิศทางการพฒนาประเทศและความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียส าคัญของหลักสูตร ตลอดจนเป็นไปตาม
ื่
กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ พ.ศ. 2558 เพอผลิตบัณฑิตด้าน
ิ
การบริหารงานต ารวจและกระบวนการยุติธรรมที่มีคุณลักษณะพเศษตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังของหลักสูตร
ซึ่งได้ระบุไว้ในหมวดที่ 4 ผลการเรียนรู้ กลยุทธ์การสอนและการประเมินผล
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารงานต ารวจและกระบวนการยุติธรรมถือเป็น
หลักสูตรหนึ่งที่มีบทบาทส าคัญต่อการขับเคลื่อนทิศทางการพัฒนาประเทศให้เป็นไปตามเป้าประสงค์ของการ
พฒนาทรัพยากรมนุษย์ดังแสดงรายละเอยดข้างต้น หลักสูตรดังกล่าวถือว่ามีบทบาทต่อการเสริมสร้างความ
ี
ั
สมบูรณ์ให้กับกระบวนการยุติธรรมไทยภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการในการผลิตบัณฑิตร่วมกันระหว่าง
ื่
มหาวิทยาลัยทักษิณและส านักงานต ารวจแห่งชาติที่ด าเนินมายาวนานกว่า 10 ปี โดยทางวิทยาลัยการจัดการเพอ
ื่
การพัฒนา มหาวิทยาลัยทักษิณ ในฐานะเป็นตัวกลางในการผลิตบัณฑิตเพอรับใช้สังคมจึงได้ตระหนักและให้
ั
ความส าคัญต่อการพฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สอดรับกับบริบทสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงโครงสร้าง
การบริหารจัดการด้านกระบวนการยุติธรรมไทยที่มีการปรับเปลี่ยน และเป็นไปตามทิศทางการพัฒนาประเทศ
หรือผู้บริหาร โดยการออกแบบพฒนาปรับปรุงหลักสูตรยังเป็นไปตามความต้องการหรือความคาดหวังของผู้เรียน
ั
ดังแสดงให้เห็นจากผลการวิจัยภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง “การศึกษาแนวทางการออกแบบหลักสูตรระดับปริญญาตรี
ื่
ั
วิทยาลัยการจัดการเพอการพฒนา มหาวิทยาลัยทักษิณ” ซึ่งเป็นส ารวจความต้องการจากนักเรียน หรือกลุ่ม
ผู้สนใจศึกษาในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง พบว่า สาขาวิชาการบริหารงานต ารวจและกระบวนการยุติธรรม
เป็นสาขาวิชาที่นักเรียนและกลุ่มผู้สนใจให้ความส าคัญมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 48.5 รองลงมาคือสาขาการบริหาร
ทรัพยากรมนุษย์ คิดเป็นร้อยละ 22.2 สาขาการจัดการภาครัฐและเอกชน คิดเป็นร้อยละ 15.3 และสาขาการ
จัดการท้องถิ่นและพนที่พเศษ คิดเป็นร้อยละ 14.0 ตามล าดับ จากกลุ่มตัวอย่าง 600 คน ฉะนั้นจากผลการวิจัย
ิ
ื้
ดังกล่าวจึงสะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีแล้วว่าหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑต สาขาวิชาการบริหารงานต ารวจ
ิ
และกระบวนการยุติธรรมเป็นสาขาที่ยังคงได้รับความสนใจมากที่สุดจากกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประเภทนักเรียน
และผู้สนใจที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้เรียนของหลักสูตรในอนาคต ดังนั้น การปรับปรุงหลักสูตรจึงเป็นกระบวนการหนึ่ง
ิ่
ในการพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อเพมประสิทธิภาพและประสิทธิผลทางการศึกษาให้สอดรับกับความต้องการ
ของสังคมและบริบทสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ผ่านภาพสะท้อนจากการประชุมกลุ่ม
(FocusGroup) เรื่อง “การศึกษาแนวทางการออกแบบหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา