Page 4 - ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับยาเสพติด]
P. 4
ฝิ่น (Opium) :
ฝิ่นเป็นสารประกอบชนิดหนึ่ง ซึ่งได้จากยางของผลฝิ่น ในเนื้อฝิ่นมีสารเคมีผสมอยู่มากมาย ซึ่งประกอบด้วย โปรตีน
เกลือแร่ ยางและกรดอินทรีย์เป็นแอลคะลอยด์ (Alkaloid) ซึ่งเป็นตัวการส าคัญ ที่ท าให้ฝิ่นกลายเป็นสารเสพติดให้โทษ
ที่ร้ายแรง และเป็นยาเสพติดที่เป็นต้นตอของยาเสพติดร้ายแรง เช่น มอร์ฟีน เฮโรอีน และโคเคอีน มีการลักลอบปลูกฝิ่น
มากทางภาคเหนือของประเทศไทยบริเวณแนวพรมแดน ที่เรียกว่า "สามเหลี่ยมทองค า"
ฤทธิ์ในทางเสพ :
ฝิ่นออกฤทธิ์กดระบบประสาท มีอาการเสพติดทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีอาการขาดยาทางร่างกาย หากเสพเกินขนาด
จะท าให้กดระบบหายใจท าให้เสียชีวิต จิตใจเลื่อนลอย ง่วง ซึม แก้วตาหรี่ พูดจาวกวน ความคิดเชื่องช้า ไม่รู้สึกหิว
ชีพจรเต้นช้า
โทษทางกฎหมาย :
จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
มอร์ฟีน (Morphine) :
มอร์ฟีนเป็นแอลคะลอยด์ (Alkaloid) ของฝิ่นที่ส าคัญที่สุด ซึ่งเป็นตัวการที่ออกฤทธิ์กดประสาท มอร์ฟีนเป็นผงสีขาว
หรือเทาเกือบขาว ไม่มีกลิ่น มีรสขม มีฤทธิ์สูงกว่าฝิ่น เสพติดได้ง่าย มีลักษณะเป็นเม็ด เป็นผง และเป็นก้อน หรือละลาย
บรรจุหลอดส าหรับฉีด น าเข้าสู่ร่างกายโดยวิธีฉีดเป็นส่วนมาก มอร์ฟีนใช้เป็นยาหลักหรือยามาตรฐานของยาแก้ปวด
ยาจ าพวกนี้กดระบบประสาทส่วนกลาง ลดความรู้สึกเจ็บปวด ท าให้รู้สึกง่วงหลับไป และลดการท างานของร่างกาย
อาการข้างเคียงอื่น ๆ ก็คือ อาจท าให้คลื่นเหียนอาเจียน ท้องผูก เกิดอาการคันหน้า ตาแดงเพราะโลหิตฉีด ม่านตาด า
หดตีบ และหายใจล าบาก
ฤทธิ์ทางเสพติด :
มอร์ฟีนออกฤทธิ์กดระบบประสาท มีอาการเสพติดทั้งร่างกายและจิตใจ มีอาการขาดยาทางร่างกาย คลื่นเหียนอาเจียน
ท้องผูก เกิดอาการคันหน้า ตาแดง ซึม ง่วงนอน ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ร่างการทรุดโทรม สมองมึนชา สติปัญญาเสื่อมโทรม
โทษทางกฎหมาย :
จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
Codeine (Antitussive) :
ยาเสพติดให้โทษที่มีลักษณะเป็นต ารับยาและมียาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ ผสมอยู่ด้วย ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรี
ประกาศก าหนดในราชกิจจานุเบกษาโคเดอีนเป็นสารประกอบจ าพวกอัลคาลอยด์ที่มีอยู่ในฝิ่นประมาณร้อยละ 0.7-2.5
โดยน ้าหนัก โคเดอีนที่ใช้ในทางการแพทย์ได้จากการสังเคราะห์จากมอร์ฟีนโคเดอีน ออกฤทธิ์กดระบบประสาท
ส่วนกลาง มีฤทธิ์ระงับปวดและระงับอาการไอ จึงนิยมใช้ผลิตยาแก้ไอ แต่ ยาแก้ไอผสมโคเดอีนที่มีการน าไปใช้ในทาง
ที่ผิด และแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบันได้แก่ยาแก้ไอผสมโคเดอีนชนิดน ้า
กัญชา (Cannabis) :
กัญชา มีลักษณะใบจะแยกออกเป็นแฉกประมาณ 5-8 แฉกคล้ายใบมันส าปะหลังที่ขอบใบทุกใบจะมีรอยหยัก
อยู่เป็นระยะๆ ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ ตามง่ามของกิ่งและก้าน ส่วนที่คนน ามาเสพได้แก่ส่วนของกิ่ง ก้าน ใบ
และยอดช่อดอกกัญชา โดยน ามาตากหรืออบแห้ง แล้วบดหรือหั่นให้เป็นผงหยาบๆ จากนั้นจึงน ามายัดไส้บุหรี่
สูบ ยังอาจพบในรูปของ “น ้ามันกัญชา” (Hashish Oil) ซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลวสีน ้าตาลเข้มหรือสีด า
ได้จากการน ากัญชามาผ่านกระบวนการสกัดหลายๆ ครั้ง จึงได้เป็นน ามันกัญชาที่มีปริมาณสารออกฤทธิ์ต่อจิต
ประสาทสูงถึง 20-60% หรืออาจพบในลักษณะของ “ยางกัญชา” (Hashish) เป็นยางแห้งที่ได้จากใบและ
ยอดช่อดอกกัญชา ซึ่งโดยทั่วไปจะมีฤทธิ์แรงกว่ากัญชาสด และมีปริมาณสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประมาณ
4-8% กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ ที่ออกฤทธิ์หลายอย่างต่อระบบประสาทส่วนกลาง คือ ทั้งกระตุ้นประสาท
กดและหลอนประสาท สารออกฤทธิ์ที่อยู่ในกัญชามีหลายชนิด แต่สารที่ส าคัญที่สุดที่มีฤทธิ์ต่อสมองและท าให้
ื้ร่างกาย อารมณ์ และจิตใจเปลี่ยนแปลงไป คือ เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol) หรือ
THC ที่มีอยู่มากในส่วนของยอดช่อดอกกัญชา สาร THC นี้ในเบื้องต้นจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ท าให้
ผู้เสพตื่นเต้น ช่างพูด และหัวเราะตลอดเวลา ต่อมาจะกดประสาท ท าให้ผู้เสพมีอาการคล้ายเมาเหล้าอย่างอ่อนๆ
เซื่องซึม และง่วงนอน หากเสพเข้าไปในปริมาณมากๆ จะหลอนประสาทท าให้เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ความคิด
สับสน ควบคุมตนเองไม่ได้