Page 9 - หนังสือคู่มือดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 9

1





                          คณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำล
                                                   ี
                                                                     ี
                                             ________________


            1. ควำมเป็นมำ
                  สืบเนื่องจำกรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๔0 มำตรำ ๒๔๘ และรัฐธรรมนูญ
                                                                                       ี
            แห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๕0 มำตรำ ๑99 บัญญัติให้มีคณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจ
                  ี
                                                              ี
                                                                              ี
                                     ี
                                            ี
            หน้ำท่ระหว่ำงศำล ท�ำหน้ำท่วินิจฉัยช้ขำดกรณีท่มีปัญหำเก่ยวกับอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำลยุติธรรม
                                                     ี
            ศำลปกครอง และศำลอื่น โดยหลักเกณฑ์กำรเสนอปัญหำดังกล่ำวให้เป็นไปตำมที่กฎหมำยบัญญัติ รวมทั้ง
            รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖0 ก็ยังคงก�ำหนดให้มีคณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำด
                                                                                            ี
            อ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำล โดยมำตรำ ๑9๒ บัญญัติว่ำ ในกรณีที่มีปัญหำเกี่ยวกับหน้ำที่และอ�ำนำจระหว่ำง
                                                                                    ึ
                                                                ี
            ศำลยุติธรรม ศำลปกครอง หรือศำลทหำร ให้พิจำรณำวินิจฉัยช้ขำดโดยคณะกรรมกำร ซ่งประกอบด้วย
            ประธำนศำลฎีกำ เป็นประธำน ประธำนศำลปกครองสูงสุด หัวหน้ำส�ำนักตุลำกำรทหำร และผู้ทรงคุณวุฒิอน
                                                                                              ื
                                                                                              ่
            อีกไม่เกินสี่คน ตำมที่กฎหมำยบัญญัติเป็นกรรมกำร
                  จำกบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๔0 มำตรำ ๒๔๘ จึงได้มีกำร
            ตรำพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรวินิจฉัยชี้ขำดอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำล พ.ศ. ๒๕๔๒ ขึ้น โดยมีสำระส�ำคัญ
                                                                                 ึ
            เป็นกำรก�ำหนดให้มีกำรคัดเลือกกรรมกำรผู้ทรงคุณวุฒิ และหลักเกณฑ์วิธีกำรน�ำคดีข้นสู่กำรวินิจฉัยของ
                               ี
                                             ี
            คณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำล และต่อมำได้มีกำรตรำพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำร
            วินิจฉัยชี้ขำดอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ขึ้น โดยปรับแก้ไขเพิ่มเติมกรอบระยะเวลำ
                                                                                  ี
            ของกระบวนกำรโต้แย้งเขตอ�ำนำจศำลส�ำหรับกำรฟ้องคดีต่อศำลปกครองหรือศำลอ่นท่ไม่ใช่ศำลยุติธรรม
                                                                               ื
            และศำลทหำร และในระหว่ำงเข้ำสู่กระบวนกำรวินิจฉัยชี้ขำดเขตอ�ำนำจศำล ให้ศำลที่รับฟ้องมีดุลพินิจใน
                                                                         ิ
                                                                 ึ
            กำรพิจำรณำคดีต่อไปได้ แต่ให้รอกำรพิพำกษำ (มำตรำ ๑0 วรรคหน่ง) แก้ไขเพ่มเติมระยะเวลำกำรพิจำรณำ
                                                       ี
                                                                               ี
            ค�ำร้องขอให้คณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำลพิจำรณำวินิจฉัยช้ขำดกรณีค�ำพิพำกษำ
                                         ี
                                                                        ั
                      ี
                         ี
            หรือค�ำส่งท่ถึงท่สุดระหว่ำงศำลขัดแย้งกัน (มำตรำ ๑๔ วรรคสำม) รวมท้งก�ำหนดให้ประธำนกรรมกำร
                   ั
                 ั
                                                                                           ิ
                                                                ี
                                       ิ
            แต่งตงข้ำรำชกำรตลำกำรศำลยตธรรมตำมกฎหมำยว่ำด้วยระเบยบข้ำรำชกำรฝ่ำยตลำกำรศำลยตธรรม
                 ้
                            ุ
                                                                                ุ
                                                                                          ุ
                                      ุ
            จ�ำนวนสองคนเป็นผู้ช่วยเลขำนุกำรคณะกรรมกำรเพื่อท�ำหน้ำท่ช่วยเหลืองำนของเลขำนุกำรคณะกรรมกำร
                                                              ี
                                                                                  ี
                                 ี
                   ี
            วินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำล ในกำรปฏิบัติหน้ำท่ตำมท่คณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท ี ่
                                                           ี
                                                               ี
                                                                   ี
            ระหว่ำงศำลก�ำหนด และให้ผู้ช่วยเลขำนุกำรคณะกรรมกำรวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำท่ระหว่ำงศำลได้รับ
                                                                                 ี
            ประโยชน์ตอบแทนตำมที่ก�ำหนดในพระรำชกฤษฎีกำ (มำตรำ ๑๘ วรรคสองและมำตรำ ๑9)
            ๒. อ�ำนำจหน้ำที่
                  คณะกรรมกำรมีอ�ำนำจพิจำรณำวินิจฉัยปัญหำท่เกิดข้นระหว่ำงศำลใน ๓ ลักษณะ คือ
                                                       ี
                                                           ึ
                  ๑. กรณีมีปัญหำว่ำคดีอยู่ในเขตอ�ำนำจของศำลใด
                  ๒. กรณีที่ค�ำพิพำกษำหรือค�ำสั่งที่ถึงที่สุดระหว่ำงศำลขัดแย้งกัน
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14