Page 190 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 190
ดุลพาห
๔.๓ การรับฟังพยานหลักฐานจากทั้งฝ่ายกล่าวหาและจากพนักงานผู้ถูกกล่าวหา
คือการประมวลหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ ทั้งจากฝ่าย
กล่าวหาและพนักงานผู้ถูกกล่าวหาให้เป็นหมวดหมู่, จัดลำาดับความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง
หลังจากนั้นก็วิเคราะห์ว่าพยานหลักฐานใดรับฟังได้ พยานหลักฐานใดไม่น่ารับฟัง ขั้นตอน
นี้มีความสำาคัญมากเพราะต้องประเมินและสรุปข้อเท็จจริงให้เป็นยุติเด็ดขาดอย่างใดอย่าง
หนึ่งก่อน จึงจะสามารถนำาข้อเท็จจริงที่ยุตินั้น ปรับเข้ากับกฎระเบียบข้อบังคับการทำางาน
ในขั้นตอนที่ ๔.๔ ต่อไป
๔.๔ การปรับข้อเท็จจริงเข้ากับกฎระเบียบข้อบังคับขององค์การ
คือเมื่อข้อเท็จจริงนั้นยุติแล้วก็ต้องนำาข้อเท็จจริงนั้นมาเทียบเคียงกับกฎระเบียบ
ต่างๆ เช่น เขียนสรุปว่า “การสูบบุหรี่ของนาย ก. พนักงานสโตร์ประจำาห้องเก็บกระดาษ
หมายเลข ๔ ของอาคาร ๓ ระหว่างเวลา ๑๖.๐๐ น. – ๑๗.๐๐ น. ซึ่งมีนายเฉลิมศักดิ์ หัวหน้า
งานโดยตรง เป็นผู้พบเห็นจึงขัดกับข้อบังคับการทำางานข้อ ๓ ซึ่งมีความว่า “ห้ามพนักงาน
สโตร์สูบบุหรี่ในห้องเก็บกระดาษของโรงงาน” เป็นต้น
๔.๕ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งการกระทำาทั้งหมดว่าเป็นผิดหรือไม่อย่างไร
เมื่อปรับข้อเท็จจริงเข้ากับระเบียบข้อบังคับการทำางานแล้วต้องระบุด้วยว่า
การกระทำานั้นผิดหรือไม่ เป็นเจตนาหรือว่าประมาทเลินเล่อหรือเป็นเหตุสุดวิสัย ถ้าผิด
ข้อบังคับการทำางานข้อใดบ้างให้ระบุให้ครบถ้วน
๔.๖ กำาหนดโทษ
เมื่อระบุว่าพนักงานผู้ใดผิดนัดแล้วต้องกำาหนดโทษไม่ว่าจะเป็นโทษตักเตือน
ด้วยวาจา หรือตักเตือนเป็นหนังสือหรือโทษสถานอื่นๆ ก็ตามหากเคยกระทำาผิดมาก่อน
แต่ภาคทัณฑ์ไว้ก็ดี หรือผิดซำ้าคำาเตือนก็ดีก็อาจบวกโทษเพิ่มเติมได้ แต่ถ้าลงโทษถึงเลิกจ้าง
ก็คงไม่ต้องเพิ่มโทษหรือบวกโทษใดๆ อีกแล้ว
๔.๗ เหตุบรรเทาโทษ (ถ้ามี)
แม้ว่าจะเสนอให้ลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่งลงไปแล้วก็ตาม หากมีเหตุอันสมควรให้
ภาคทัณฑ์ก็ดี หรือมีเหตุบรรเทาโทษก็ดี เช่น เคยมีคุณงามความดีมาแต่ก่อนเก่าก็ดี หรือรู้สึกผิด
และบรรเทาผลร้ายของการกระทำาก็ดี ลุแก่โทษโดยรับสารภาพก็ดี เหล่านี้ถือเป็นเหตุบรรเทา
โทษหรือให้สามารถลงโทษในสถานเบาได้ทั้งสิ้น
กันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๑ 179

