Page 29 - หนังสืองานพี่ป๋อม
P. 29

น้ากับหลานในบันทึกช่วยจ า
                 สิบกว่าปีนี้มาได้พบหน้าพูดจากับป๋อมบ่อยกว่าก่อนหน้ามากนัก ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่
          ก็พบในกิจส าคัญร่วมกัน
                 แรกๆ ที่พูดคุย ป๋อมเป็นฝ่ายแย้มประเด็นค้างคาใจที่มีต่อคนรอบข้างคิดอย่างไรกับ
          ตน หยั่งใจหลายหนคงเห็นผู้น้าเอาแต่ฟังไม่ยอมวิพากษ์ฝักใฝ่ใครอื่นให้ต้องขัดหูเคืองใจกัน
          ป๋อมก็ร่ าความน้อยเนื้อต่ าใจเหตุไม่ได้รับความยุติธรรมอันควรมีควรได้หลายกรณี ไม่ลดละแม้
          จะโทรศัพท์หาดึกดื่นเที่ยงคืนยืดยาวคราวละ ๒-๓ ชั่วโมงจนกว่าสิ้นสิ่งที่อยากพูด
                 เวลาที่ใช้ไปยาวนานฟังความในใจที่ป๋อมระบายมาคุ้มค่าทางใจพอให้น้าคนหนึ่ง
          พึงรับฟัง อย่างน้อยพลอยได้รู้ส านึกคิดชีวิตต่อสู้ของหลานอีกคนหนึ่งในสายตระกูลดุริย
          พันธุ์อันมีอยู่น้อยนิดไม่ถึงสิบซึ่งต่างคนเว้นว่างห่างหน้ากันไปหลายสิบปี
                 วันหนึ่งป๋อมเปิดใจ “ผมอยากเข้าบ้านดุริยประณีต” นั่นถึงเวลาที่น้าต้องร่ายให้
          หลานชายเป็นฝ่ายรับฟังอยู่นานประมาณว่า
                 “...อยากให้เปิดใจรับฟังความข้างอื่นบ้าง ไม่อย่างนั้นจะไม่เห็นเงื่อนง าขัดเคืองใดให้
          ชั่งวัดความเป็นธรรมที่คั่งค้างในใจได้  คนรอบตัวป๋อมมีปัญหาชีวิตมีบาดแผลด้วยกันทั้งนั้นสุด
          แท้จะแก้ไขเยียวยาอย่างไร เราควรเคารพการตัดสินใจเลือกหนทางเดินของแต่ละคนและ
          ยอมรับภูมิหลังชี้น าที่แตกต่าง จบแล้วแล้วกัน ไม่มีผิดไม่มีถูกให้พูดถึงอีกต่อไป
                 พี่ของป๋อมมั่นคงบนจุดยืนที่เลือกแล้ว จากชีวิตเด็กน้อยที่เติบโตในบางล าพูขลุกอยู่
          กับความสุขสนุกสนานพรั่งพร้อมเครือญาติเพื่อนเล่นไล่เรียงกันยาวนานเกือบสิบปี แล้วจู่ๆ
          ถูกพรากไปพร้อมความรักความอบอุ่นที่เคยรับจากยายย่าลุงป้าน้าอาที่เห็นหน้าทุกวี่วัน เด็ก
          ๙ ขวบจะรู้สึกอ้างว้างรันทดใจแค่ไหน จะให้ลืมแผลเจ็บลึกลงง่ายๆ คงไม่ใช่
                 ป๋อมอยู่พ้นหัวหางตื้นลึกหนาบางในบางล าพูย่อมรับรู้เท่าที่ผู้ใหญ่เลี่ยงให้ลืมๆ
          กันไป ส านึกตอบโต้ข้างในเทียบเคียงกันไม่ได้
                 ป๋อมโตเป็นผู้ใหญ่เป็นครูบาอาจารย์ที่มีคนนับหน้าถือตาก็มากแล้ว จะขึ้นบ้านดุริย
          ประณีตหรือไม่อย่างไรอยู่กับใจป๋อมเองไม่มีใครห้ามได้  น้าเองจะไม่ทัดทาน จะไม่ออกหน้า
          เห็นดีเห็นงามคล้อยตามทั้งสิ้น...”
                 ป๋อมนิ่งฟังแต่โดยดีและดูทีจะเข้าใจถึงออกปากยอมรับ “ไม่รู้จริงๆ ผมไม่เคยคิด
          อย่างที่ว่านี่มาก่อน”  ต่อแต่นั้นมาทัศนคติน้องพี่มีท่าทีผ่อนคลายในทางดีขึ้น ทั้งไม่เอ่ยถึง
          ความน้อยเนื้อต่ าใจให้ได้ยินอีกเลย

                 พ้นเรื่องคาใจ สิ่งที่ป๋อมพูดต่อมาทุกครั้งที่พบไม่พ้นเสียงบ่นให้ช่วยท าละครเพลง
          ดนตรีไทยที่อยากใช้ชีวิตการต่อสู้บนสังเวียนปี่พาทย์ระนาดประชันของน้าไก่(สืบสุด ดุริย

                                          10
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34