Page 13 - E-BOOK 5
P. 13

ประเพณีอิสลามที่สืบทอดปฏิบัติต่อกันมา



                                                    อะกีเกาะฮ.


                กะมารุล ชุกริ ( ม.ป.ป. :61) ได้แปลคำา อะกีเกาะฮ.ว่า การตัด ซึ่งหมายถึง การทำาพิธี

        ตัดผมหรือโกนผม  แก่เด็กที่เกิดใหม่  และตั้งชื่อให้เด็กนั้น  เริ่มตั้งแต่คลอดออกมาจนถึงบรรลุ

        นิติภาวะ ถ้าบรรลุนิติภาวะแล้วยังไม่ ได้ทำาอะกีเกาะฮ. เด็กนั้นต้องทำาให้ตัวเอง บิดาจะทำาให้

        ไม่ได้แต่เวลาที่เหมาะสมก็คือ เมื่อเด็กคลอดได้ 7 วัน แล้ว สัตว์ที่ใช้ในการทำาอะกีเกาะฮ. นั้น


        สำาหรับเด็กผู้ชายให้เชือดแพะ  2  ตัว  แพะนั้นควรมีรูปร่างลักษณะที่  คล้ายคลึงกันทั้งสองตัว

        และมีอายุรุ่นเดียวกันด้วย  ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงใช้เชือดแพะหนึ่งตัว  เนื้อสัตว์ที่ถูกเชือดจะ  แบ่ง

        เป็น 3 ส่วน คือ ไว้รับประทานเอง 1 ส่วน ให้ญาติพี่น้อง 1 ส่วน และบริจาคให้คนยากจน 1


 ตำานานขนมเค้กอิสลามแห่งมัสยิดสวนพลู  ส่วน





    เพื่อน ๆ มุสลิมคงไม่มีใครไม่รู้จัก ขนมบดิน หนึ่งเมนูขนมหวานซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้าง

 ขวางในสังคม มุสลิมและคนต่างศาสนิกทั่วไป ขนมบดิน (บอ-ดิน) คาดว่ามาจากการใช้หม้อดิน

 ในการอบ เดิมชื่อ “หม้อ ดิน” แต่กร่อนเสียงเป็น “บดิน” ในปัจจุบัน คาดว่าน่าจะได้มาจาก


 กระบวนการทำาขนม  ในอดีต ใส่หม้อดินอบ  โดยเอาถ่านมาวางบนฝาหม้อเป็นไฟบนทำาให้

 เรียกกันว่า  ขนมหม้อดิน เรียกไปเรียกมาเลยกลายเป็น ขนมบดิน

                                                  การเข้าสุหนัด

    ตามคำาบอกเล่า  ขนมชนิดนี้  เมื่อก่อนจะรับประทานในงานของมุสลิม  ซึ่งต้นกำาเนิดมา     อาจารย์เสาวนีย์ จิตต์หมวด. (2535:210) ได้กล่าวว่า “สุหนัด” น่าจะเป็นคำาที่มาจาก


 จากพ่อครัวชาว มุสลิมคนหนึ่งที่ไปเป็นพ่อครัวในห้องอาหารฝรั่ง ทำาให้ได้เรียนรู้วิธีทำาเค้กแล้ว  “ซุนนะห.”  (ซึ่งมี  ความหมายว่าการปฏิบัติและคำาชี้ขาดของศาสดามุฮัมมัด)  เมื่อออกเสียง

 นำามาปรับปรุงใส่นมข้นหวาน  เนยกีแบบอาหารมุสลิมอื่น  ๆ  ทำาให้มีกลิ่นหอมและผิวหน้ากร  แบบไทยแล้วเลยกลายมาเป็น “สุหนัด” แต่ภาษาอาหรับเรียกว่า “คอตั้น” ส่วนภาษายาวีใช้
        คำาว่า “มาโซะยาวี” ทั้งหมดนี้มีความหมายที่เกี่ยวกับการขลิบ หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายที่
 อบนิดๆ คล้ายขนมไข่ แต่เนื้อขนมจะนุ่มและ แน่น ไม่ร่วน เท่าขนมไข่กุฎีจีน อย่างไรก็ดีเป็น


 ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า ชุมชนมัสยิดสวนพลูธนบุรีซึ่งเป็นต้น กำาเนิดขนมชนิดนี้อยู่ไม่ไกลจาก  ชายมุสลิมทุกคนต้องเข้าสุหนัดเช่นกันจึงถือว่าเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์  เพราะแม้แต่  ศาสดามุฮัม

 ชุมชนจีนที่ทำาขนมไข่กุฎีจีน อาจจะเป็นการเรียนรู้และนำามาพัฒนาเป็นขนม ของแต่ละชุมชน  มัดยังปฏิบัติและได้สั่งให้มุสลิมทุกคนปฏิบัติตาม

 ได้













 12                                                                                                           13
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18