Page 43 - ของเรา
P. 43
พรำนป่ำ
“กำรที่จะเป็นพรำนป่ำสิ่งที่จะต้องรู้คือจะต้องมีเซนส์ในกำรหำของ รู้สถำนที่ที่เรำจะไป คือรู้ว่ำของป่ำที่
เรำจะไปหำมันจะอยู่บริเวณไหน ต�ำแหน่งไหน และสภำพแวดล้อมรอบข้ำงจะเป็นอย่ำงไร เช่น ผักหวำนมักจะอยู่
ตำมซอกหิน รังมดแดงมักอยู่บนต้นไม้ใกล้แหล่งน�้ำ บำงครั้งเรำไปในท�ำเลที่คนอื่นเขำไม่ค่อยไปกันเรำก็จะได้ของ
ซึ่งควำมรู้เหล่ำนี้ก็ได้มำจำกพ่อแม่เวลำที่เรำตำมเขำไปตอนเด็ก ๆ ท�ำให้รู้เส้นทำงของป่ำ พอโตขึ้นเรำก็ออกนอก
เส้นทำงที่พ่อแม่เคยพำไปบ้ำง ท�ำให้ได้เจอของป่ำด้วยตัวเองบ้ำง เวลำเก็บของป่ำมำจะไม่ได้เก็บแต่สิ่งที่เรำอยำก
เก็บ แต่อันไหนที่กินได้เรำก็เก็บมำท�ำอำหำรบ้ำง แกงกินบ้ำง ส่วนของป่ำที่หำได้มำกที่สุดก็คือเห็ดกับหน่อไม้ใน
ฤดูฝน และสำมำรถน�ำไปสร้ำงรำยได้โดยกำรขำยให้พ่อค้ำคนกลำงและคนขำจรที่มำรับซื้อได้ หำกเก็บได้ปริมำณ
มำกรำคำก็จะถูก หำกเก็บได้ปริมำณน้อยรำคำก็จะสูง แต่หำกของป่ำทั้งหมดหำยไปก็คงท�ำอะไรไม่ได้อีก เพรำะที่
นี่ไม่ได้มีอำชีพให้ท�ำอย่ำงยั่งยืน แต่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตำมฤดูกำล เช่นหน้ำแล้งก็ท�ำเกษตร ท�ำสวน หน้ำฝนเก็บ
เห็ด หน่อไม้ หน้ำหนำวไม่ค่อยมีผลผลิตอะไรก็รับจ้ำง ที่นี่ไม่มีอะไรยั่งยืนหำกทรัพยำกรหำยไปก็คงท�ำอะไรไม่ได้
อีก รำยได้ช่วงนั้นก็คงหำยไปเลย” ป้ำอ้อยได้เล่ำให้พวกเรำได้ฟังถึีงควำมเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชำวบ้ำน