Page 107 - โครงการ_Neat
P. 107
- 103 -
โดยปกติแล้วการที่บุคคลจะยอมให้บุคคลอื่นได้เงินของตน บุคคลนั้นก็
ย่อมที่จะต้องการความมั่นใจ หรือหลักประกันว่าตนจะได้รับการใช้เงินคืน ไม่ว่า
กรณีใดๆ นั่นก็แปลว่า เขาผู้นั้นต้องการหลักประกัน
ตามกฎหมายได้กําหนดการประกันการชําระหนี้ไว้ 2 กรณีด้วยกัน คือ
1. การใช้บุคคลมาประกันการชําระหนี้ เรียกว่า การคํ้าประกัน
2. การใช้ทรัพย์สินมาประกันการชําระหนี้ นั่นคือ การจํานําและจํานอง
คํ้าประกัน
ควำมหมำยและลักษณะของสัญญำค ้ำประกัน
คํ้าประกัน คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้คํ้าประกัน ผูกพัน
ตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่ง เพื่อชําระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชําระหนี้นั้น
สาระสําคัญของการคํ้าประกันมีดังนี้คือ
1. มีหนี้ประธานระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้เกิดขึ้นก่อน
2. การคํ้าประกันต้องทําโดยบุคคลภายนอกกับเจ้าหนี้โดยลูกหนี้จะคํ้า
ประกันตนเองหรือนํา ตําแหน่งงานของตนเองมาคํ้าประกันไม่ได้
3. สัญญาคํ้าประกันเป็นสัญญาที่ทําขึ้นระหว่างเจ้าหนี้กับผู้คํ้าประกัน
ลูกหนี้ไม่จําเป็นต้องรู้เห็น ก็ได้ ดังนั้นผู้คํ้าประกันจะยกเอาการที่ลูกหนี้ไม่ได้รู้
เห็นเป็นข้อต่อสู้ หรือหากผู้คํ้าประกันชําระหนี้ตาม สัญญาคํ้าประกันแล้วไปใช้
สิทธิไล่เบี้ยเอากับลูกหนี้ ลูกหนี้จะอ้างการว่าตนไม่รู้เห็นการคํ้าประกันและ ไม่
ยอมให้ใช้สิทธิไล่เบี้ยไม่ได้
ค ําพิพากษาฎีกาที่ 76/2519 การคํ้าประกันหาจําต้องให้ลูกหนี้ยินยอมให้ผู้คํ้า
ประกันเข้า คํ้าประกันหนี้นั้นก่อนไม่ สัญญาคํ้าประกันจึงไม่จําต้องมีข้อความว่า
ลูกหนี้ยินยอมให้คํ้าประกันแล้ว