Page 95 - 10_พระราชบญญตตำรวจแหงชาต2547_Neat
P. 95

๘๘




              การลงโทษขาราชการตํารวจที่ ก.ตร. กําหนด มิไดกําหนดไวใหถือเกณฑเทียบตําแหนงตามที่กําหนด
              ใน กฎ ก.ตร.

                          การคํานวณระยะเวลาการลงโทษกักยามและกักขัง ใหนับวันเวลาเริ่มลงโทษกักยาม
              หรือกักขังเปนหนึ่งวันเต็มโดยไมตองคํานึงถึงจํานวนชั่วโมงและใหนับติดตอกันไมเวนวันหยุดราชการ

              จนครบกําหนด  และใหปลอยตัวไปในวันถัดจากวันที่ครบกําหนด  และเมื่อมีคําสั่งลงโทษ
              ใหผูบังคับบัญชาจัดการใหผูถูกลงโทษไดรับโทษโดยเร็ว

                          การอุทธรณคําสั่งลงโทษของผูไดรับโทษในความผิดวินัยอยางไมรายแรงมิใหนํามาเปนเหตุ
              ทุเลาการรับโทษ โทษทัณฑกรรมที่กําหนดไวเปนวัน ๆ ใหหมายความวาทําทัณฑกรรมทุก ๆ วัน จนกวา

              จะครบกําหนด ในวันหนึ่งกําหนดทัณฑกรรมไดไมเกินวันละหกชั่วโมง แตถาใหอยูเวรยามในวันหนึ่ง
              ตองไมเกินกําหนดเวลาอยูเวรยามตามปกติ ในสวนการสั่งลงโทษทัณฑกรรมใหกําหนดจํานวนวันและ

              จํานวนชั่วโมงในแตละวันใหชัดเจน สําหรับโทษกักยามใหใชไดแตเฉพาะขาราชการตํารวจตําแหนง
              ตั้งแตผูกํากับการหรือเทียบเทาลงมา และสําหรับโทษกักขังใหใชไดแตเฉพาะขาราชการตํารวจตําแหนง
              ตั้งแตรองสารวัตรลงมา การลงโทษกักยามใหนําตัวผูถูกลงโทษไปกักไวในบริเวณใดบริเวณหนึ่งตาม

              ที่เห็นสมควร การลงโทษกักขัง ใหนําตัวผูถูกลงโทษไปรับโทษที่สถานีหรือหนวยงานอื่นที่ผูถูกลงโทษ
              มิไดประจําอยู ซึ่งการลงโทษกักขังขาราชการตํารวจหญิง หามมิใหกักขังรวมกับขาราชการตํารวจชาย

              หากไมมีสถานที่พอจะแยกกักขัง หัวหนาหนวยงานที่รับตัวผูถูกลงโทษไวเพื่อลงโทษจะกําหนดสถานที่ใด
              สถานที่หนึ่งที่เห็นเหมาะสมเปนสถานที่กักขังก็ได การลงโทษกักขัง ใหลงโทษกักขังไวในสถานที่จัดไว

              โดยเฉพาะ หามมิใหกักขังรวมกับผูตองหา เวนแตมีเหตุจําเปนเพราะไมมีที่กักขัง และหามนําสิ่งของ
              ไมจําเปนหรืออาวุธเขาไปในสถานที่กักขัง และการแกไขหรือเพิกถอนคําสั่งเกี่ยวกับการลงโทษใหทํา

              เปนคําสั่ง โดยใหปรากฏเลขที่ วัน เดือน ป ที่ออกคําสั่งเดิม ขอความเดิมที่ตองการแกไขหรือเพิกถอน
              และขอความที่แกไขใหม




                          ¡ÒôíÒà¹Ô¹¡Ò÷ҧÇÔ¹ÑÂ
                          ÁÒμÃÒ øô  เมื่อมีการกลาวหาหรือมีกรณีเปนที่สงสัยวาขาราชการตํารวจผูใดกระทําผิด

              วินัยใหผูบังคับบัญชารีบดําเนินการสืบสวนขอเท็จจริงหรือพิจารณาในเบื้องตนวากรณีมีมูลที่ควร
              กลาวหาวาผูนั้นกระทําผิดวินัยหรือไม

                          ในการสืบสวนขอเท็จจริงใหแจงเรื่องที่ถูกกลาวหาหรือถูกรองเรียนใหผูถูกกลาวหาทราบ
              และใหผูถูกกลาวหาชี้แจงขอเท็จจริงภายในเวลาที่กําหนด ถาเห็นวากรณีไมมีมูลที่ควรกลาวหาวากระทํา

              ผิดวินัยใหสั่งยุติเรื่องได ถาเห็นวากรณีมีมูลที่ควรกลาวหาวากระทําผิดวินัย ใหดําเนินการตอไปตาม
              มาตรา ๘๕ หรือมาตรา ๘๖ แลวแตกรณีทันที

                          ÁÒμÃÒ øõ  เมื่อขาราชการตํารวจถูกกลาวหาวากระทําผิดวินัยอยางไมรายแรงให
              ผูบังคับบัญชานําสํานวนการสืบสวนขอเท็จจริงตามมาตรา ๘๔ มาพิจารณาสั่งการตามมาตรา ๘๙
   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100