Page 167 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 167

๑๕๔




                               ®Õ¡Ò·Õè õðñ/òõó÷  จําเลยจอดรถกีดขวางการจราจรและถูกผูเสียหาย ซึ่งกําลัง
              ปฏิบัติหนาที่ตํารวจจราจรทําการจับกุม จําเลยไดกลาวตอผูเสียหายวา เปนนายจับอยางไรก็ได และ

              เรียกทําเย็ดแม ดังนี้ ที่จําเลยกลาววาเปนนายจับอยางไรก็ได เปนเพียงคํากลาวในทํานองตัดพอตอวา
              ไมไดกลาวหาวาผูเสียหายกลั่นแกลง จึงไมเปนการดูหมิ่นผูเสียหาย แตที่จําเลยกลาววา เรียกทําเย็ดแม
              เปนคําดาอันเปนการดูหมิ่นผูเสียหายแลว จําเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจาพนักงานซึ่งปฏิบัติการ

              ตามหนาที่ตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๖
                               ®Õ¡Ò·Õè òòõö/òõó÷ จําเลยวาผูเสียหายที่ ๑ วาเปนผูหญิงตํ่าๆ ตอหนาผูอื่น

              ซึ่งเปนคําพูดที่เหยียดหยามผูเสียหายที่ ๑ วาเปนผูหญิงไมดีมีศักดิ์ศรีตํ่ากวาผูหญิงทั่วไปเปนการดูหมิ่น
              ผูเสียหายที่ ๑ ซึ่งหนา หาใชเปนคําพูดในเชิงปรารภปรับทุกขไม
                               ผูเสียหายที่ ๒ เปนเจาพนักงานตํารวจมีหนาที่ในการปราบปรามสืบสวนและจับกุม

              ผูกระทําผิดทางอาญา หาไดเกี่ยวกับกรณีที่มีบุคคลพิพาทกันในทางแพงไม แมคูกรณีนําเรื่องทางแพง
              ไปแจงใหจัดการไกลเกลี่ยเปรียบเทียบและผูเสียหายที่ ๒ ทําการไกลเกลี่ยให และจัดการลงบันทึก

              ประจําวันไวเปนหลักฐานก็หาใชเปนหนาที่ของเจาพนักงานตํารวจโดยตรงตามกฎหมายไม คงเปน
              แตเพียงอัชฌาสัยในฐานะเปนเจาพนักงานตํารวจผูรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชนเทานั้น
              การกระทําของผูเสียหายที่ ๒ จึงมิใชเปนการปฏิบัติตามหนาที่ของเจาพนักงาน แมจําเลยไดพูดถอยคําวา

              “มันก็เขาขางกัน” ก็ไมเปนความผิดฐานดูหมิ่นเจาพนักงานซึ่งกระทําการตามหนาที่
                               ®Õ¡Ò·Õè ôóò÷/òõôð การกระทําอันเปนองคประกอบสําคัญประการหนึ่งของ

              ความผิด ตาม ป.อ.มาตรา ๑๓๖ คือ “ดูหมิ่น” ซึ่งหมายถึงการดา ดูถูกเหยียดหยาม หรือสบประมาท
              ใหอับอาย ถอยคําที่จําเลยกลาวตอสิบตํารวจตรี ข.วา “แนจริงมึงถอดเสื้อมาตอยกับกูเลย” เห็นไดวา
              เปนการกลาวทาทายใหสิบตํารวจตรี ข. ออกมาตอสูกับจําเลย อันเปนเพียงคํากลาวที่ไมสุภาพ

              และไมสมควร ยังไมถึงขั้นที่พอจะใหเขาใจวาจําเลยมีความมุงหมายที่จะดา ดูถูกเหยียดหยาม
              หรือสบประมาทใหสิบตํารวจตรี  ข.  อับอาย  การกระทําของจําเลยจึงไมเปนความผิดตาม

              ป.อ.มาตรา ๑๓๖


                          à¨μ¹Ò เจตนาในการกระทําผิดตามมาตรานี้ คือ เจตนาตามมาตรา ๕๙ วรรค ๒ และ

              ผูดูหมิ่นตองรูขอเท็จจริงอันเปนองคประกอบของความผิดดวย คือ ตองรูวาผูที่ตนดูหมิ่นนั้นเปน
              เจาพนักงานซึ่งกระทําการตามหนาที่หรือไดกระทําการตามหนาที่ตามมาตรา ๕๙ วรรค ๓ มิฉะนั้น

              ไมถือวาผูกระทํามีเจตนา เชน แดงเปนนายตํารวจกลับจากแตงงานเกิดโตเถียงกับดําโดยดําไมรูวา
              แดงเปนนายตํารวจ แมดําจะกลาวคําพูดดูหมิ่นแดงก็ไมไดผิดตามมาตรานี้
                          ò. ᨌ§¤ÇÒÁà·ç¨μ‹Í਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹

                               ÁÒμÃÒ ñó÷ ¼ÙŒã´á¨Œ§¢ŒÍ¤ÇÒÁÍѹ໚¹à·ç¨á¡‹à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹ «Öè§ÍÒ¨ทําãËŒ¼ÙŒÍ×è¹
              ËÃ×Í»ÃЪҪ¹àÊÕÂËÒÂμŒÍ§ÃÐÇÒ§â·Éจํา¤Ø¡äÁ‹à¡Ô¹Ë¡à´×͹ ËÃ×Í»ÃѺäÁ‹à¡Ô¹Ë¹Öè§ËÁ×蹺ҷ ËÃ×Í

              ·Ñé§จํา·Ñé§»ÃѺ
   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171   172