Page 409 - 08_กฎหมายอาญา_Neat
P. 409
๓๙๖
ที่ถูกใสความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ดังนั้น การที่จําเลยถาม ป.วามีความสัมพันธทาง
ชูสาวกับโจทกหรือไม จึงเปนเพียงการคาดคะเนของจําเลยเทานั้น มิใชเปนการยืนยันขอเท็จจริงอันนา
จะทําใหโจทกเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังแตประการใด จําเลยจึงไมมีความผิดฐานหมิ่น
ประมาท และขอเท็จจริงไมปรากฏวาจําเลยกลาววาจาตอหนาโจทก จึงไมใชเปนดูหมิ่นโจทกซึ่งหนา
จําเลยไมมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหนา
ฎีกาที่ ๓/๓๕๔๒ ขอความที่จําเลยที่ ๑ ลงพิมพโฆษณาวาโจทกเรียกเงิน ๕ ลานบาท
ในการถายภาพนูดนั้น จําเลยที่ ๑ มิไดอางถึงขอความจริงอันใดเลยในการแสดงความคิดเห็นเชนนั้น
ทั้งไมมีขอความที่แสดงใหเห็นเจตนาของจําเลยที่ ๑ ที่จะปกปองโจทก ทําใหผูที่ไมทราบความจริงเขาใจผิด
ดูหมิ่นเกลียดชังโจทกอันสงผลกระทบตอเกียรติยศและสถานะในทางสังคมของโจทก หาใชเปนการ
ติชมดวยความเปนธรรมอันเปนวิสัยของประชาชนยอมกระทําไม จึงเปนการใสความหมิ่นประมาท
โจทก จําเลยที่ ๑ ไมไดรับการยกเวนความผิดตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๙
คําวา “ãÊ‹¤ÇÒÁ” ตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๖ ไมไดนิยามศัพทไววามีความหมายวาอยางไร
แตตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายวา หมายถึงพูดหาเหตุราย กลาวหาเรื่องราย
ใหผูอื่นไดรับความเสียหาย โจทกมีความสัมพันธฉันชูสาวกับจําเลย ไมกอใหเกิดสิทธิแกจําเลย
ที่จะกลาวหาเรื่องรายประจานโจทกดวยถอยคําหมิ่นประมาทโจทก เมื่อจําเลยแจงความเพื่อเปน
หลักฐานเทานั้น มิไดมีเจตนาใหเจาพนักงานดําเนินคดีแกโจทก จึงเปนไดวาจําเลยมุงประสงคใหโจทก
ถูกดูหมิ่น เกลียดชังและทําลายชื่อเสียงของโจทก การกระทําของจําเลยจึงเปนการหมิ่นประมาทโจทก
ทั้งขอความอันเปนหมิ่นประมาทโจทกเปนการใสความในเรื่องสวนตัวไมเปนประโยชนแกประชาชน
แมเรื่องที่กลาวหาจะเปนความจริง จําเลยก็ไมอาจยกเอาเหตุกระทําเพื่อปองกันตนหรือปองกันสวน
ไดเสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมขึ้นปฏิเสธความผิดได
®Õ¡Ò·Õè ôôòõ/òõôõ ขณะโจทกเดินอยูที่หนาหอประชุม จําเลยชี้มือมาที่โจทกแลว
พูดกันชาวบานที่เดินผานมา “ระวังทนายสกปรกจะเอาเรื่อง” ซึ่งคําพูดดังกลาวไมมีขอความประกอบ
ใหเห็นวา โจทกมีอาชีพทนายความสกปรกในเรื่องอะไร แมจะเปนคําเสียดสีโจทกวาเปนคนนารังเกียจ
แตไมถึงขนาดทําใหผูที่รับฟงเขาใจวาโจทกเปนคนคดโกงขาดความนาเชื่อถือหรือนาจะทําใหโจทก
เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือดูถูกเกลียดชัง ถอยคําที่จําเลยกลาวจึงไมเปนหมิ่นประมาทโจทก
®Õ¡Ò·Õè ù÷/òõôñ จําเลยกับผูเสียหายเคยมีความขัดแยงกัน ในเรื่องหนี้เงินกูมากอน
ประกอบกับพฤติการณของผูเสียหายเมื่อไปถึงหนารั้วบานของจําเลยไดเรียกจําเลยซึ่งเปนเจาหนี้
ใหออกมาพูดนอกรั้วบาน อันถือวาเปนการไมใหเกียรติจําเลยทําใหจําเลยโกรธผูเสียหายและรองดา
ผูเสียหายวา “มึงเปนเมียนอยสารวัตร ศ. อยามาทําใหญใหกูเห็นนะ” ตอหนา พ. ซึ่งมากับผูเสียหาย
การกระทําของจําเลยจึงเปนการทําใหผูเสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังจาก พ. อันเปน
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ป.อ.มาตรา ๓๒๖