Page 31 - Top Executive Sharing
P. 31
29
เพราะมัวแต่อ่านไม่ได้ดูเรื่องราวในหนังเลย ซึ่งหากเราค่อยๆฝึกไปทีละนิดๆมันก็จะเป็นประโยชน์ในทุกๆอย่าง
ถ้าเราคิดว่าเราไม่รู้อะไร แล้วเราไปศึกษาก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง ยกตัวอย่างเช่น ผมได้รับมอบหมาย
ให้เป็นประธานในการสอบสวนทางวินัย ซึ่งผมก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงิน เรื่องบัญชี เรื่องระเบียบค่าใช้จ่าย
ในการเดินทางไปราชการ การเบิกเงินคงคลัง เป็นต้น ซึ่งไม่เคยมีความรู้อะไรเลย แต่เมื่อเราได้รับมอบหมาย
หน้าที่ สิ่งเดียวที่รู้ได้ก็คือเราต้องทําการศึกษาหาความรู้ และที่สําคัญที่สุดก็คือว่า เราต้องอ่านภาษาไทยให้ออก
หมายความว่า ทุกคนมักจะเข้าใจว่าภาษากฎหมายเป็นภาษาเฉพาะสําหรับนักกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นระเบียบ
ข้อบังคับ หรือกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งคนจะมีความรู้สึกว่าไม่เข้าใจ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ กฎหมายเขาเขียนมา
ให้บังคับใช้กับทุกคนภายในประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นทุกคนจะต้องเข้าใจกฎหมาย จึงเป็นที่มาที่กล่าวว่า
จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ในการต่อสู้คดี ดังนั้นทุกคนต้องรู้กฎหมาย ทุกเรื่องเราจะทํางานอะไร หากเป็นเรื่อง
ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ถ้าเราไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเบิกจ่ายมันก็เสี่ยง ที่มีปัญหากันมากมายเช่นทุกวันนี้
ไม่ว่าจะเป็นการทําหลักฐานไม่ถูกต้อง หรือเป็นหลักฐานที่ทําไม่ได้ก็ดี เป็นเพราะเราไม่เรียนรู้ ไม่ศึกษา
ให้กระจ่างเพื่อปูองกันตัวเอง ในขณะเดียวกันเราต้องเข้าใจถึงการทํางานโดยทั่วไปว่ามันต้องปรับให้พอดีกัน
ถ้าตีความตามตัวหนังสือโดยเคร่งครัดจนเกินไป ปกติในระเบียบจะมี 2 ลักษณะ คือคําว่า “ให้” กับคําว่า “ห้าม”
เช่น จะมีข้อความให้ทําอะไรได้บ้าง หมายถึงว่าให้ทําไรได้บ้างและแค่ไหน นอกเหนือจากนี้ทําไม่ได้ ให้ทําได้แค่นี้
หรือถ้าห้าม หมายถึงว่า สิ่งเหล่านั้นที่ระบุทําไม่ได้ แต่นอกเหนือจากนี้ทําได้ แต่มีบางคนไปตีความว่า “ห้าม แต่ไม่ได้เขียน
ว่า ให้ ฉะนั้นแปลว่าทําไม่ได้” หรือมีเขียนว่า “ให้ แต่ในบางอันไม่ได้เขียนว่า ให้ ไว้ ก็ไปตีความว่าทําไม่ได้”
มันต้องดูว่าแล้วแต่ บางครั้งเขาไม่ได้ห้าม มันก็ต้องทําได้เป็นปกติ เว้นแต่เขาห้ามไว้มันก็ต้องตีความให้สอดคล้อง
กับสถานการณ์ ถ้าเราทําลงไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราทําแล้วไม่เกิดผลความเสียหายต่อทางราชการ เราจะทําอะไร
ต้องคิดถึงผลที่เกิดจากการกระทําของเราเป็นสําคัญ ว่าทําอย่างนี้แล้วผลมันคืออะไร ถ้าทําอย่างนี้แล้ว
ผลออกมาเสียหายหรือผิด อันนั้นทําไม่ได้ แต่ถ้าทําแล้วผลมันจะออกมาไม่เกิดความเสียหาย เกิดประโยชน์ ก็ควรทํา
ค าถาม : ท่านอยากฝากอะไรให้กับบุคลากรของส านักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และส านักงานรัฐมนตรี
กระทรวงยุติธรรมบ้าง
ก็อยากจะฝากว่าหลังจากวันที่ 30 กันยายน ก็อย่าลืมผมละกัน อาจจะต้องมีมารบกวนพึ่งพาอาศัย
พวกเราหลายคนที่อยู่ในนี้ในประเด็นสําคัญหลายๆเรื่อง ซึ่งเคยทํางานร่วมกัน ก็ต้องขอขอบคุณพวกเราทุกคน
ที่ให้ความสนใจ และคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์บ้างให้เราได้เป็นข้อคิดในการครองตน ครองคน ครองงาน
เราจะคาดหวังว่ากระทรวงยุติธรรมจะเป็นหลักตามชื่อจริงๆ แต่ทุกวันนี้ถามว่าผมยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวทาง
ทิศทางของกระทรวงโดยรวมเท่าไร ซึ่งผมพยายามเสนอกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายยุคว่า ปัญหาบ้านเมืองเราตอนนี้
ปัญหาใหญ่คือเรื่องความยุติธรรม ที่เรามองว่ากระบวนการยุติธรรมมันหลายมาตรฐาน แล้วถ้าบ้านเมืองใด
ไร้ความยุติธรรมแล้ว มันจะไม่สงบ อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้มันก็ยังไม่สงบเพราะแท้ที่จริงแล้วมันยังมีแรง
ต้านภายใน ยังมีการแบ่งฝักแบ่งฝุาย ยังมีคนได้ประโยชน์ยังมีคนเสียประโยชน์ มันจะพึ่งหน่วยงานของรัฐ
ก็ลําบาก ที่นี้กระทรวงเราชื่อว่ากระทรวงยุติธรรม แต่ถามว่าจะทําอย่างไร หรือมีนโยบาย หรือมี Vision
อย่างไร ที่จะทําให้กระทรวงเราจะเป็นผู้นําหรือเป็นหลักในการสร้างความยุติธรรมให้กับสังคมในประเทศเราได้
ตอนนี้ผมยังมองไม่เห็นเพราะว่ายุทธศาสตร์ก็ดี หรือนโยบายก็ดีที่เขียนมาในระยะสั้นหรือระยะยาวก็ดี เรายัง
ไม่มีหน่วยงาน หรือยังไม่มีนโยบายที่จะมาปรับปรุงหรือมาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เราก็มีหน้าที่ทํางาน
ตามภารกิจของกรมแต่ละกรม แล้วก็เอาภารกิจของแต่ละกรมมารวมกันแล้วบอกว่านี่คือภารกิจของกระทรวง
ยุติธรรม แต่ละกรมก็ไม่ได้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมโดยตรง ทั้งๆที่ชื่อเรามันชื่อกระบวนการ
ยุติธรรม การให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนของสํานักงานกองทุนยุติธรรม ถามว่าคําว่าให้เงินไปประกันตัว
เป็นการให้ความยุติธรรมกับเขาหรือไม่ คือการให้กองทุนให้เงินทุนเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการให้โอกาสคน