Page 32 - Top Executive Sharing
P. 32

30



                  แต่ถามว่าตัวกระบวนการยุติธรรมในบ้านเราตั้งแต่ พนักงานสอบสวน อัยการ ศาล มีหน่วยงานใดที่จะเป็น
                  ผู้ศึกษาการปฏิบัติงานของทั้ง 3 หน่วยงานนี้ ให้อยู่ในกรอบ หรืออยู่ในกระบวนการที่ถูกต้องหรือน่าเชื่อถือได้
                  หากถ้ากระทรวงเราไม่เป็นผู้ทําไม่เป็นผู้นําในเรื่องนี้ที่จะเข้าไปหาทางปรับปรุงในเรื่องนี้ถามว่าแล้วใครจะทํา

                  ก็ขอฝากพวกเราที่นั่งอยู่ในนี้ทุกคน สักวันหนึ่งอาจจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้นําสูงสุดในองค์กร หรือในกระทรวง
                  ก็อยากจะฝากไว้ อันนี้ผมเป็นห่วงจริงๆ และก็พยายามเสนอไปหลายครั้งหลายครา แต่ก็ยังไม่มีคนใดกล้า
                  เพราะมันนอกเหนือจากอํานาจหน้าที่ แต่ผมมองว่ามันไม่ใช่ เราต้องกล้าทําในสิ่งที่ Thinking Big เราต้องกล้า
                  ที่จะทําอะไรนอกกรอบ ต้องกล้าที่จะพัฒนา เราจะอยู่ของเราไปอย่างนี้แล้วประชาชนจะพึ่งใคร ไม่ใช่ว่า

                  กระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่หาทนายให้ มีหน้าที่หาเงินให้อย่างเดียว ผมมองว่ายังไม่ใช่ความยุติธรรม เงินไม่ใช่
                  ความยุติธรรม ถามว่าคนต้องการเงินหรือความยุติธรรม ให้ไปต่อสู้กันเองเพียงลําพัง ซึ่งไม่รู้ว่าในกระบวนการ
                  ต่อสู้นั้นเขาจะได้รับความยุติธรรมหรือไม่ เราการันตีหรือเราแก้ไขให้เขาอย่างไร การให้เขามีโอกาสได้ต่อสู้ก็ใช่

                  ในส่วนหนึ่ง แต่เขาก็ต้องไปต่อสู้ในภาวะที่ เรียกว่าทุกวันนี้มันเรียกว่ามืดมนไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อย
                  คือ กฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมาย คนเราต้องรู้ว่าถ้าทําอย่างนี้แล้วมันผิด ถ้าทําอย่างนี้แล้วไม่ผิด
                  ทุกคนต้องรู้โดยทั่วกันและเท่ากัน ไม่ใช่ว่าไม่มีใครรู้เลยว่าถ้าทําอย่างนี้แล้วฉันจะผิดหรือไม่ มันก็เลยไม่มีใคร
                  กล้าทําอะไร เพราะทําไปก็มีโอกาสติดคุกโดยไม่รู้ตัว ติดคุกโดยไม่รู้ว่าตัวเองทําผิดก็มี ถามว่าเราจะปล่อยให้
                  ประเทศชาติเป็นไปอย่างนี้หรือ เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสควรนําเสนอเรื่องนี้เป็นร่างกฎหมายเข้าไปในสภา

                  ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาศาลมีคําพิพากษาวินิจฉัย หรือตีความกฎหมายใดแล้วมันขัดกับความรู้สึกของประชาชน
                  แล้วมันควรแก้ไข แต่มันไม่มีคนกลาง ตรงนี้มองว่ากระทรวงทําได้สบายๆ ยกตัวอย่างเช่น คดีถือหุ้นสื่อ จะเห็น
                  ได้ว่าองค์กรกลางที่ตัดสินไม่รู้ว่ากี่ศาลต่อกี่ศาลก็ตีความไม่เหมือนกัน ผู้ตรวจการแผ่นดินตีความไปอย่างหนึ่ง

                  ศาลฎีกาตีความไปอีกอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตีความออกมาเช่นไรอีก ในส่วนนี้กระทรวงยุติธรรม
                  ควรเป็นผู้รวบรวมและนําเสนอแก้ไขให้เป็นแนวทางเดียวกันให้ได้ ศาลฎีกาสมัยก่อนถ้ามีคําพิพากษาฎีกาแล้ว
                  ต้องถือเป็นบรรทัดฐานในการตัดสิน ชาวบ้านจะได้รู้ว่าหากทําแบบนี้แล้วมันผิด แต่สมัยนี้เรื่องหนึ่งศาลฎีกา
                  ตีความไว้อย่างหนึ่งต่อมากรณีคล้ายเดิมศาลฎีกาก็ตีความอีกอย่างหนึ่ง คือมันต้องมีกรอบให้ประชาชนได้รับรู้

                  ถ้าเขารู้ว่าทําแบบนี้แล้วเขาผิดเขาก็ไม่สู้คดี ไม่ใช่ทุกคนมีโอกาสชนะหมด หรือทุกคนมีโอกาสแพ้หมด
                  ถามว่าอะไรคือหลัก ซึ่งในส่วนนี้ผมจะพยายามพูดไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ขอบคุณครับ
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37