Page 12 - กาพย์เห่เรือ
P. 12

การเลียนเสียงธรรมชาติ

                    การสร้างค าของกวีที่จะสื่อให้ผู้อ่านมองเห็นภาพพจน์ ได้อารมณ์ ความรู้สึก โดยใช้ค าที่เลียนเสียง
             ธรรมชาติ เป็นความงามของภาษาในบทประพันธ์ กระตุ้นให้ผู้ฟังมองเห็นภาพซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ปรากฏในบทกวี
             จากตัวอย่างในกาพย์เห่เรือบทสัมผัสพยัญชนะที่ผ่านมา ผู้อ่านหรือผู้ฟังจะจินตนาการถึงเสียงดนตรีของขบวนเสด็จ

             ที่มีคนจ านวนมาก ดังก้องครึกโครม อื้ออึง ค้าว่า โครม เป็นการเลียนเสียงธรรมชาติ
             ตัวอย่างเช่น
                                  เรือครุฑยุดนาคหิ้ว           ลิ่วลอยมาพาผันผยอง

                           พลพายกรายพายทอง              ร้องโห่เห่โอ้เห่มา
             บทนี้เป็นการเลียนเสียงธรรมชาติที่ท้าให้ความรู้สึกคือค าว่า ร้องโห่เห่โอ้เห่ ซึ่งเลียนเสียงธรรมชาติการเห่เรือ
             เหมือนให้ผู้อ่านเข้าร่วมกระบวนเห่ด้วยตนเอง


                    การใช้ส านวนโวหาร  อุปมาอุปไมย
             ดังกล่าวมาในตอนต้น เรื่องลักษณะเด่นของนิราศเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร ทั้งการใช้ส านวนโวหาร อุปมาอุปไมย และการใช้
             พรรณนาโวหาร ซึ่งจะปรากฏให้เห็นตลอดผลงาน ของพระองค์ท่าน การใช้อุปมาอุปไมย จะพบในบทประพันธ์
             ที่แต่งตามขนบของการแต่งแบบนิราศ ตั้งแต่บทเห่ชมปลา บทเห่ชมไม้ บทเห่ชมนก บทเห่ครวญ และการใช้พรรณนาโวหาร

             จะพบในบทประพันธ์ทุกตอน

              ๒. คุณค่าด้านสังคม
                    ๑.  สะท้อนภาพชีวิตของคนไทยปลายกรุงศรีอยุธยาที่ใช้การสัญจรทางน้ าเป็นส าคัญ  เนื่องจาก

                    ประเทศไทยมีแม่น้ าล าคลองมาก
                    ๒.  ให้ความรู้เกี่ยวกับขบวนพยุหาตราทางชลมารค และประเพณีการเห่เรือ
                    ๓.  สะท้อนให้เห็นขนบธรรมเนียมประเพณี  ค่านิยม  และความเชื่อของคนไทย  เช่น  ค่านิยม
                    เกี่ยวกับความงามของสตรีว่าจะต้องงามพร้อมทั้งรูปทรง มารยาท ยิ้มแย้มแจ่มใส และพูดจาไพเราะ

                    ๔.  ท าให้เห็นงานฝีมือของสตรีไทยในสมัยก่อนว่ามีความประณีตในการท้างานอย่างมาก และต้อง
                    ใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพื่อให้งานที่ออกมามีทั้งความสวยงามและความอ่อนช้อย เช่น การร้อยอุบะ การร้อย
                    พวงมาลัย เป็นต้น
                    ๕.  การเชื่อในเรื่องเวรกรรม ซึ่งเป็นความเชื่อสมัยโบราณเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม ตามความเชื่อที่ว่า

                    “ใครท ากรรมใดไว้ กรรมนั้นย่อมตอบสนอง”
                    ๖.  สะท้อนให้เห็นถึงประเพณีการแต่งกายของหญิงโบราณในสมัยอยุธยาตอนปลาย  และขนบธรรมเนียม
                    บางอย่าง เช่น การห่มสไบคลุมไหล่ของผู้หญิงชนชั้นสูง จะห่มสไบด้วยตาด














                                                             ๑๒
   7   8   9   10   11   12   13