Page 213 - EBOOK-TRON_2018
P. 213

ความสำาคัญและความเป็นมา



 การเกิดแผลเรื้อรังในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและอาจลุกลามจนทำาให้สูญเสียนิ้วเท้าหรือขาได้
 ในปัจจุบันการรักษาแผลเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวานจะต้องใช้วิธีการต่างๆ ร่วมกัน เช่น การให้ผู้ป่วยควบคุมระดับ

 น้ำาตาลในเลือด การใช้ยาปฏิชีวนะ และการใช้ผลิตภัณฑ์วัสดุปิดแผล (dressing) เป็นต้น ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์

 วัสดุปิดแผลที่มีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยที่สำาคัญที่จะส่งผลให้แผลนั้นหายเร็วและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วย

 เบาหวานที่มีแผลเรื้อรัง  โดยที่วัสดุที่ใช้ในการปิดแผลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็นพอลิเมอร์สังเคราะห์
      ทางผู้วิจัยได้ทำาการศึกษาหาวัสดุทดแทนโดยใช้สารจากธรรมชาติที่วัตถุดิบหาได้ง่ายภายในประเทศ และมี

 ประสิทธิภาพในการรักษาแผลเบาหวาน ได้แก่ ไฟโบรอินจากไหมและสารสกัดจากวุ้นว่านหางจระเข้ ร่วมกับ

 กระบวนการผลิตสารสกัดและวัสดุปิดแผลที่ไม่มีการใช้ตัวทำาละลายอินทรีย์และพลังงานสูง ทำาให้นอกจากไม่เป็น

 การสร้างมลภาวะแล้วยังทำาให้ต้นทุนผลิตภัณฑ์ลดลง ส่งผลให้เกิดความเป็นไปได้ในการลงทุนของภาคอุตสาหกรรม
 และนำาไปสู่ผลิตภัณฑ์ราคาเหมาะสมที่ผู้ป่วยทุกสถานะสามารถเข้าถึงได้






 วัตถุประสงค์


 ศึกษาผลการรักษาแผลในผู้ป่วยเบาหวานด้วยวัสดุปิดแผลไฟโบรอินที่ผสมสารสกัดจากวุ้นว่านหางจระเข้






 จุดเด่น


 วัตถุดิบที่ใช้ผลิตนำามาจากธรรมชาติที่มีภายในประเทศ

 และมีราคาถูก กระบวนการผลิตไม่ซับซ้อนและไม่ต้อง

 ใช้เครื่องมือชั้นสูงที่มีราคาแพง ไม่มีการใช้ตัวทำาละลาย
 อินทรีย์และพลังงานสูง มีกระบวนการควบคุมคุณภาพ

 การผลิตเพื่อให้ได้สารสกัดที่มีคุณสมบัติทางกายภาพและ

 เคมีสม่ำาเสมอ  ผู้ป่วยไม่ต้องทำาแผลบ่อย สามารถดูดซับน้ำา   การนำาผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์

 ได้ถึงประมาณ 44% โดยที่ภายหลังจากการดูดซับน้ำา จะมี
 ลักษณะเป็น gel film ที่มีความยืดหยุ่นและคงรูปอยู่ได้   นำาไปสู่การผลิตวัสดุทางการแพทย์ชนิดใหม่ที่มีต้นทุนต่ำา

 สามารถแนบติดไปกับแผลที่มีความลึกได้ดี  และส่วน  เนื่องจากใช้วัตถุดิบที่มีในประเทศและกระบวนการผลิต

 ประกอบของวุ้นว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย   ที่ไม่ซับซ้อน ส่งผลให้ความเป็นไปได้ในการผลิตในระดับ

 อุตสาหกรรมมากขึ้น รวมทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลผลิต
 ทางการเกษตรที่มีอยู่ภายในประเทศอีกด้วย
































 มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2561  |  212
   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217   218