Page 24 - TTIA Directory 2018
P. 24
Tuna Industry Outlook
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ปลาในมหาสมุทร
เหลือเพียง 60-70 ล้านตัน ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วง
คือ ทรัพยากรทะเลของโลกที่น้อยลง ปัจจุบัน
ปลาทูน่ามีปริมาณลดลง โดยสาเหตุหลักมา
จากโลกร้อน และการจับปลาที่มากเกินไป
ทางสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทยเน้นการท�า
ประมงอย่างยั่งยืน และขจัดปัญหาการท�า
ประมงผิดกฎหมาย โดยแสดงจุดยืนในการ
แก้ไขปัญหาการท�าประมงผิดกฏหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unre-
ported, and Unregulated (IUU) Fishing) และปัญหาการค้ามนุษย์(Human Trafficking)
ว่าสมาคมมีความรับผิดชอบ ปฏิบัติตามหลักสากลและกฏหมายไทย ทางด้านการประมงและ
ผลิตสินค้าอย่างยั่งยืน ปราศจากการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับและการค้ามนุษย์
อุตสาหกรรมปลาทูน่าของไทยมีวัตถุดิบที่จ�ากัด จึงจ�าเป็นต้องพึ่งการน�าเข้าปลาทูน่าสด
และแช่แข็งจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด แหล่งน�าเข้าที่ส�าคัญ คือ ไต้หวัน เกาหลีใต้ คีรีบาติ
และปาปัวนิกินี ทั้งนี้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าทูน่าของไทยน�าเข้าจากแหล่งที่มีการท�าประมง
อย่างยั่งยืน ส่วนราคาน�าเข้าจะผันแปรตามชนิดของปลาทูน่า ซึ่งปลาทูน่าน�้าลึกไม่สามารถจับ
ได้ในแถบทะเลไทยและเป็นปลาที่ตลาดต้องการ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชนิด ได้แก่ ปลาทูน่าท้อง
แถบ (Skipjack Tuna) ปลาทูน่าครีบเหลือง (Yellowfin Tuna) ปลาทูน่าครีบยาว (Albacore
or Long finned Tuna) ปลาทูน่าตาโต (Bigeye Tuna) และปลาทูน่าครีบน�้าเงิน (Bluefin
Tuna)
ส�าหรับในประเทศไทยใช้ปลาทูน่าท้องแถบ เป็นวัตถุดิบในการผลิตมากที่สุด เนื่องจากมี
ปริมาณมากและแหล่งจับปลาจะอยู่ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ฝั่งตอนกลาง ตะวันตก และ
ตะวันออก รวมถึงมหาสมุทรอินเดีย โดยในกระบวนการผลิตถูกควบคุมความปลอดภัยอาหาร
ด้วยระบบ HACCP (Hazard Analysis and Critical Point System) และ GMP(Good
Manufacturing Practice) ตามหลักมาตรฐานสากล และมีการน�าเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามา
ใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อวิจัยและพัฒนาต่อยอดทูน่ากระป๋องให้มีประโยชน์มากที่สุดส�าหรับ
ผู้บริโภค
ทั้งนี้อุตสาหกรรมทูน่ามีความท้าทายส�าหรับผู้ประกอบการที่ผลิตและส่งออก เนื่องจาก
ปลาทูน่าเป็นหนึ่งในพันธุ์ปลาที่นิยมและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก จึงจ�าเป็นต้องมี
มาตรการการอนุรักษ์และบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรทางทะเล เพื่อการเติบโตของ
อุตสาหกรรมอย่างเหมาะสมและยั่งยืน
24