Page 26 - ภาวะผู้นำทางการเมือง ทักษิณ E-BOOK
P. 26
2008 ที่กรุงปักกิ่ง ตามค าเชิญของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ทั้งสองกลับเดินทางต่อไปยัง
ประเทศอังกฤษ เพื่อขอลี้ภัยทางการเมือง โดยไม่เดินทางกลับมารายงานตัวต่อศาลคดีการเมือง ด้วยเหตุนี้ ศาล
ฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมืองจึงออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน
ในความผิดฐานประพฤติมิชอบ ในการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท และตั้งสินบนน าจับ
ทันที
4. คดียึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 องค์คณะผู้พิพากษาศาล
ฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมืองอ่านค าพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นค าร้องขอให้
ทรัพย์สินที่ร่ ารวยผิดปกติและได้มาเนื่องจากการกระท าที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและ
ประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะด ารงต าแหน่งนายกรัฐมนตรี ตกเป็นของแผ่นดิน โดยศาลมี
ค าวินิจฉัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น ที่แท้จริง และใช้อ านาจหน้าที่
ระหว่างด ารงต าแหน่งนายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้แก่ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น, บริษัท แอดวานซ์อินโฟ
เซอร์วิส จ ากัด (มหาชน) (เอไอเอส) และบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จ ากัด (มหาชน) โดยตรง อันมีผลท าให้มูลค่า
หุ้นของ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น สูงขึ้น รวมทั้งได้เงินปันผลจ านวนดังกล่าว จึงมีค าพิพากษาให้ยึดเฉพาะเงินค่า
ขายหุ้น ส่วนที่เพิ่มขึ้นหลังจากด ารงต าแหน่งนายกรัฐมนตรี และเงินปันผล จ านวนทั้งสิ้น 46,373,687,454.64
บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ยอมรับผลการตัดสินดังกล่าว และอาจยื่นเรื่องเพื่อ
อุทธรณ์ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศต่อไป แต่ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สดทาง
สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่าไม่ต้องการเงินคืน เพียงแต่ขอให้มีการพิจารณาคดีต่างๆ ที่มีก่อน
รัฐประหารใหม่ให้ถูกต้องเท่านั้น
ยังมีข้อกล่าวหาอีกมากมายที่คนในสังคมเกิดความเคลือบแคลงใจในตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร เพราะในแต่ละข้อกล่าวหานั้นมีหลักฐานบ่งชี้ความผิดชัดเจน แต่ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่
ยอมรับความผิด ซึ่งก็ท าให้ลบภาพของภาวะผู้น าทางการเมืองไปได้ไม่น้อย
ความกล้าตัดสินใจ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวเนื่องในโอกาส ได้รับโปรดเกล้าฯ ขึ้นด ารงต าแหน่งนายกรัฐมนตรี คน
ที่ 23 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ว่า “การตัดสินทุกๆ เรื่องที่จะเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลผม ถึงแม้ว่าผมไม
สามารถตัดสินใจให้เป็น ที่พอใจของพี่น้องคนไทยทั้ง 61 ล้านคน (ขณะนั้น) พรอมๆ กันในทุกเรื่อง แต่ทุกเรื่อง
จะตัด สินบนพื้นฐานเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ และทุกเรื่องจะถูกตัดสินบนพื้นฐานเพื่อประโยชนสุข
ของประชาชนมากกว่าเพื่อความอยู่รอดทางการเมือง 4 ปีข้างหนา จะเป็นยุคแหง การเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป
ทุกรูปแบบเพื่อน าประเทศไทยให้หลุดพ้นจากวิกฤต และวางรากฐานส าหรับอนาคตของลูกหลานเรา ผมจะไม
21
