Page 140 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 140
660
การพัฒนาจิตให้ผ่องใส
ณ เรือนพฤกษา ๒ จ.นนทบุรี วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒
อันท่ีจริงนะ ในการปฏิบัติธรรมของเรา ส่ิงสาคัญเลย ก็คือการกาหนดรู้อาการของรูปนาม ของ กายของจิตเราให้ชัด อย่างที่บอกเม่ือก้ีนี้ว่าสภาพจิต บรรยากาศกับสภาพจิต บางครั้งถ้าเราเห็นจิตไม่ชัด บรรยากาศก็ไม่ชัด บางครั้งเราก็รู้สึกว่าบรรยากาศกับสภาพจิต มันเป็นอันเดียวกันไหม หรือเป็นคนละ ส่วนกัน อันท่ีจริงแล้วคาว่าบรรยากาศ อันน้ีต้องมาจากบรรยากาศของสภาพจิต แล้วสภาพจิตมาจากไหน สภาพจติ ...กอ่ นทจ่ี ะเปน็ บรรยากาศไดม้ าจากไหน กค็ อื จติ ของเราจติ ใจของเรานนั้ แหละ มาจากไหนเกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร
ลกั ษณะของจติ ...สภาพจติ โดยทว่ั ไป ถา้ เรายงั ไมส่ ามารถแยกรปู นามได้ เรากบ็ างทยี งั บอกไมถ่ กู วา่ จิตเราเป็นอย่างไร หน้าตาจิต สภาพจิตใจเป็นอย่างไร ก็จะบอกไม่ถูก รู้แต่ว่า มันดี ไม่ดี เฉย ร้อน เย็น อัน นี้คือรู้ว่าจิตใจเร่าร้อนเป็นทุกข์ แต่เราไม่รู้ว่านั่นคือสภาพจิต แต่รู้ว่าจิตใจเป็นแบบนั้น ๆ เฉย ๆ น่ิง ๆ แต่ พอแยกรูปนามได้นี่นะ จริง ๆ แล้วเป็นธรรมชาติของจิต สภาพของจิตก็เป็นสภาวะของจิต เป็นธรรมชาติ ของจิตอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะปฏิบัติไม่ปฏิบัติ จิตก็เป็นแบบนั้น เมื่อจิตดวงนั้นเกิดข้ึนมาก็เป็นแบบนั้น เมื่อ ความทุกข์เกิดขึ้นมาจิตก็ทุกข์นั่นแหละ จิตที่ทุกข์ก็คือตัวสภาพจิต ที่มีลักษณะความทนยาก มีความหนัก ความอึดอัดก็เป็นสภาพจิตอย่างหน่ึง เพียงแต่เป็นสภาพจิตที่เป็นทุกข์
ทีนี้พอเราปฏิบัติเรากาหนดจิตเรา แยกรูปนามได้ แยกรูปแยกนามได้...ตรงนี้สาคัญมาก ๆ นะ แยกรูปนาม แยกรูปแยกนาม เห็นจิตกับกายกับรูปเป็นคนละส่วนกัน พอเราเห็นชัดว่าจิตกับกาย หรือจิต กับตัวท่ีนั่งอยู่ เป็นคนละส่วนกัน เพราะฉะนั้นพอเป็นคนละส่วนกันเราถึงแยกชัดว่า จิตมีลักษณะอย่างไร จิตมีสภาพเป็นอย่างไร รูปเป็นอย่างไร ขณะที่เรากาหนด เวลาเราแยกรูป แยกกับกายออกจากกัน จิตจึงมี สภาพมีความเบามีความสงบ เพราะฉะนั้นจิตรู้สึกสงบ รู้สึกเบา รู้สึกโล่ง รู้สึกต้ังมั่น น่ันคือลักษณะของจิต อย่างหน่ึง นั่นคือลักษณะของสภาพจิต