Page 142 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 142

662
เพราะก่อนที่จะว่างเบานี่นะ จิตเป็นอย่างไร จิตนิ่ง ๆ หนัก ๆ เฉย ๆ หรือว่า ขุ่น ๆ มัว ๆ แล้วเราก็เห็นว่า จิตดวงนั้นแหละทาหน้าที่รับรู้อารมณ์
มีผัสสะขึ้นมาก็ใช้จิตที่ขุ่น ๆ นี่แหละไปรับรู้อารมณ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่ได้ยิน ก็ใช้ความขุ่นนี่ นะรับรู้ ภาพที่เห็นก็มองผ่านความขุ่นด้วยจิตที่ขุ่นมัวของตัวเอง ด้วยโทสะด้วยความไม่สบายใจ และมอง ภาพที่เห็น รับรู้อารมณ์ที่กระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นคือใช้จิตประเภทไหนในการรับรู้อารมณ์ ถ้าใช้จิตที่ขุ่นมัวจากความไม่พอใจ เขาเรียกว่าใช้จิตที่ประกอบด้วยโทสะ ทาหน้าที่รับรู้อารมณ์ มันเหมือน ถูกครอบงาด้วยกิเลส แล้วไปรับรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อจิตมีสภาพเป็นแบบนั้น เมอื่ จติ มสี ภาพเปน็ แบบนนั้ ลองดภู าพทปี่ รากฏ อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ การมองภาพ มองอารมณน์ นั้ จะเปน็ อยา่ งไร การรับรู้ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร กลายเป็นว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นเราดึงเอาอารมณ์นั้นมา เพราะ มีเชื้ออยู่ภายใน เชื้อ...คือ เชื้อของอกุศล เขาเรียกว่ามีโทสะเป็นมูลหรือมีโทสะเป็นเหตุ มีโลภะเป็นมูล มี โทสะเป็นมูล มีโมหะเป็นมูล หรือเป็นเหตุเป็นมูลเป็นตัวรับรู้
ทีนี้การที่เราแยกออกแบบนั้นปื๊บ การพิจารณาจิตกับกายแยกจากกัน เพราะฉะนั้นจิตที่ว่างที่เบาที่ กว้างขึ้น ลองพิจารณาดูว่าจิตที่ว่างเบาและกว้าง จิตดวงนั้นถูกครอบงาด้วยกิเลสตัวไหน เห็นไหม!มีกิเลส ตัวไหนครอบงา หรือมีแต่สติที่รู้ชัดถึงจิตที่ว่างและว่างจากอะไร ตรงที่ว่างจากอะไรนี่นะ คาถามคือว่าทาไม ถงึ ถามวา่ วา่ งจากอะไร บางครงั้ ถา้ เราไมพ่ จิ ารณา เรากจ็ ะรแู้ ตม่ นั วา่ ง ๆ ๆ วา่ งจากอะไร...ไมร่ ู้ วา่ งจากกเิ ลส ว่างจากอกุศล ว่างจากตัวตน ว่างจากความทุกข์ ว่างจากความวุ่นวาย ถ้าไม่พิจารณาอย่างนี้ เราก็จะรู้สึก มันว่าง ๆ ๆ ไม่เห็นมีอะไร กลายเป็นว่าไม่เห็นคุณค่าของจิตที่ว่าง แล้วก็ไม่เห็นคุณค่าจิตที่ว่างนี่นะใช้งาน ได้ไหม
เมื่อกี้นี้ที่ถาม ที่ย้อนกลับไปว่า เพราะปกติคนเรานี่นะใช้อารมณ์ในการรับรู้ ถึงแม้มีสติรู้นะ มีสติ รู้ชัดว่าอันนี้ฉันไม่ชอบ มีสติรู้ชัด แต่ฉันใช้ความรู้สึกไม่ชอบนี่แหละรับรู้อารมณ์ มันเหมือนกับมีสติแต่ก็มี ตัวตน เพราะฉะนั้น ผลกระทบที่ตามมาจึงให้ความรู้สึกแตกต่างกัน พอเห็นจิตว่าง ที่ถามว่าจิตที่ว่างกว้าง แค่ไหน และจิตที่ว่างนี่นะใช้งานได้ไหม อันที่จริงไม่ต่างจากตัว การทาหน้าที่ของเขาไม่ต่างจากตัว เวลาเรา มีผัสสะขึ้นมา แล้วมีอารมณ์ มีความขัดเคืองใจ มีความขุ่นมัวไปใช้งาน จิตที่ขุ่นมัวใช้งานได้ จิตที่ว่างเบา ก็ทาหน้าที่ได้เช่นกัน อันนี้อาจารย์สรุปเองนะ แต่โยคีจะใช้หรือเปล่าไม่รู้ จริง ๆ แล้วการที่เราปฏิบัติ การ ที่เราแยกรูปนาม การทาจิตให้กว้างเพื่ออะไร ก็เพื่อใช้งาน เพื่อใช้ประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อพักผ่อน คือเพื่อที่จะ ให้กว้างและใช้จิตที่ว่าง ๆ นี่นะไปใช้งานต่อ
ทีนี้จิตที่ว่าง สังเกตดู จริง ๆ แล้วเราผ่านมาหมดแล้วแหละนะ แต่อันนี้คือทบทวนให้พิจารณาว่า ระหว่างสภาพจิตกับจิตนี่นะ สภาพจิตบรรยากาศเป็นตัวเดียวกัน ทีนี้จิตที่ว่างที่กว้าง ถ้าเราใช้จิตที่ว่างที่ กว้างทาหน้าที่รับรู้ได้ ลองสังเกตดูว่า จิตตรงนี้จะทาหน้าที่เป็นทั้งตัวสติเป็นทั้งสมาธิ เพราะอะไร จิตที่ว่าง ก็จะสงบ สงบจากความวุ่นวาย แล้วตัวจิตตัวนี้มีความตื่นตัว จะทาให้รู้อารมณ์ต่าง ๆ นี่นะชัดขึ้น และจิต ตรงนปี้ ระกอบดว้ ยปญั ญา ปญั ญาตรงไหน ถา้ เราพจิ ารณาวา่ จติ ทวี่ า่ งเบามเี ราไหม มบี อกวา่ เปน็ เราหรอื เปน็


































































































   140   141   142   143   144