Page 143 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 143

663
แค่จิตที่ว่าง ๆ เบา ๆ ทาหน้าที่ เป็นธรรมชาติของจิตดวงหนึ่งที่ได้พัฒนาขึ้น พัฒนาจากอะไร จากสติสมาธิ ปัญญา ที่พิจารณาถึงความเป็นจริงตรงนี้
การเหน็ ความเปน็ จรงิ ถงึ ความเปน็ คนละสว่ นระหวา่ งรปู กบั นาม เหน็ ถงึ ความเปน็ อนตั ตา เปน็ การ รบั รดู้ ว้ ยความรสู้ กึ ทไี่ มม่ ตี วั ตนไมม่ เี รา เพราะฉะนนั้ ถา้ จติ ทวี่ า่ งเบานนี่ ะกวา้ งแคไ่ หน กวา้ งกวา่ อารมณท์ รี่ บั รู้ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ลองดูว่าผัสสะหรืออารมณ์ที่กระทบที่ปรากฏขึ้นมานี่นะ ส่งผลกระทบต่อจิตใจ เป็นอย่างไร มีความทุกข์ มีปัญหา เกิดขึ้นมาอย่างไร มีความขุ่นมัวเศร้หมองเกิดขึ้นได้ไหม อันนี้คืออย่าง หนึ่ง เพราะอะไร การปฏิบัติธรรม การพัฒนาจิต พัฒนาจิตของเรานี่นะ พัฒนาสติพัฒนาปัญญาเพื่อชาระ จิตของเรา เพื่ออะไร เพื่อความไม่ทุกข์ เพื่อความอิสระของจิต ถ้าเพื่อความอิสระของจิต ลองดูว่าจิตที่ถูก ล็อคแคบ ๆ อยู่ในตัวอย่างเดียว กับจิตที่ว่างและกว้างออกไปไม่มีขอบเขต อันไหนให้ความรู้สึกอิสระและ สบายกว่ากัน อันไหนให้ความรู้สึกอิสระ อันไหนให้ความรู้สึกสบายกว่ากัน อันนี้อย่างหนึ่ง
ทีนี้ถ้าเราพิจารณาตามธรรมสภาวธรรมที่ต่อเนื่องกัน ก็คือว่า ขณะที่จิตที่ว่างกว้างและไม่มีตัวตน แบบนี้ เป็นบรรยากาศ ถามว่า ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเขาปฏิเสธอารมณ์อะไรบ้าง เขายังทาหน้าที่ปกติไหม อย่างหูยังทาหน้าทีฟังเสียง ตายังมองเห็นรูป ลิ้นยังสัมผัสกับรสต่าง ๆ กายยังกระทบความเย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่งตึง หนักเบาเหมือนเดิมไหม...ยังทาหน้าที่ปกติ นี่คือทวารทั้งหกยังทาหน้าที่ปกติ และอารมณ์ที่ ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เขาไม่ได้เปลี่ยนไป กระทบเห็นทั้งภาพทั้งเสียงที่พึงปรารถนา และไม่พึง ปรารถนาเหมอื นเดมิ แตค่ วามรสู้ กึ ทเี่ ปลยี่ นไปกค็ อื วา่ เมอื่ จติ วา่ งไมม่ ตี วั ตนและกวา้ งมากกวา่ อารมณเ์ หลา่ นนั้ อารมณ์ที่ปรากฏขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กลับเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่ทาตามหน้าที่ของตนตาม ปกติ แล้วจิตเป็นอย่างไร จิตมีความรู้สึก สบาย อิสระ ไม่ไหลตามอารมณ์ นี่แค่เราแยกรูปนามนะ
ถา้ เราสงั เกตแบบนี้ ทถี่ ามวา่ ใหร้ สู้ ภาพจติ เปน็ อยา่ งไร ทนี สี้ ภาพจติ ตรงนแี้ หละ การทใี่ ชง้ านบอ่ ย ๆ การทใี่ ชแ้ ละกด็ จู ติ บอ่ ย ๆ ไมใ่ ชแ่ คว่ า่ ง เบา กวา้ งแคน่ นั้ ในการกา หนดรอู้ ารมณต์ า่ ง ๆ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง พจิ ารณา กาหนดคอยสังเกตอาการต่อเนื่อง ทั้งอิริยาบถหลักและอิริยาบถย่อย แล้วพิจารณาถึงความเกิดขึ้นเป็นไป อยู่กับอารมณ์ปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ตามมาคือ จากที่ว่าง จากที่เบา ๆ ที่กว้าง ๆ กาลังของสมาธิเพิ่ม ขึ้น สติเพิ่มขึ้น จิตที่ว่างแล้วเขาเปลี่ยนไหม มีกาลังมากขึ้น มีสติเพิ่มขึ้น ตรงนี้แหละสาคัญ
ยิ่งพัฒนายิ่งกาหนดรู้ รู้อาการพระไตรลักษณ์ รู้อาการเกิดดับ รู้อาการพระไตรลักษณ์ สภาพจิตก็ จะเปลี่ยนไปด้วย เห็นอาการเกิดดับเปลี่ยนไป ทาให้สภาพจิตเปลี่ยนไปจากว่าง ๆ เบา ๆ เปลี่ยนเป็นสงบ มากขึ้น ตั้งมั่นขึ้น ผ่องใสขึ้น แข็งแกร่งขึ้น หนักแน่นขึ้น หนักแน่นขึ้น เป็นแน่นขึ้นหรือกว้างขึ้น เป็นจิตที่ กวา้ งและประกอบดว้ ยสตสิ มั ปชญั ญะทแี่ กก่ ลา้ มคี วามชดั เจนในอารมณ์ คา วา่ แกก่ ลา้ กค็ อื ความชดั เจนใน อารมณ์ต่าง ๆ ที่กาลังปรากฏเกิดขึ้นอยู่ พอเริ่มมีสติ มีทั้งสติและสัมปชัญญะ ระลึกได้และรู้ชัดในอารมณ์ เดียวกัน รู้สึกชัด รู้ชัดในรู้นั่นแหละ คือตัวสติสัมปชัญญะที่กาลังปรากฏเกิดขึ้นอยู่
ท นี ถี ้ า้ จ ติ ด ว ง น ี ้ พ อ เ ห น็ แ บ บ น ปี ้ บ๊ ื เ ร า เ ป ล ยี ่ น ไ ป ไ ห ม จ ติ ท สี ่ ง บ ข นึ ้ เ ห น็ อ ะ ไ ร ป ญั ญ า อ ย า่ ง ห น งึ ่ ท เี ่ ข า จ ะ เกดิ ขนึ้ ทเี่ ราบอกวา่ ทา ไมพอแยกรปู นามกวา้ งแบบนรี้ สู้ กึ ดจี งั เลย พอรสู้ กึ ดจี งั เลยอะไรเกดิ ขนึ้ คอื ความสขุ


































































































   141   142   143   144   145