Page 138 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 138
658
ถึงการเกิดดับของทุก ๆ อารมณ์ ที่มีการเข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แม้เป็นอารมณ์ปรมัตถ์ ก็ตาม พอรับรู้อารมณ์บัญญัติ เขาก็จะพิจารณาในหลักไตรลักษณ์แบบเดียวกัน เพราะอะไร เพราะความ จริงคือการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เป็นเรื่องปกติธรรมดา พอมีผัสสะเข้ามากระทบ อะไรที่ดับไปก็รู้ว่า อ๋อ!เขา ดับไปแล้ว
อะไรทเี่ กดิ ขนึ้ มา กเ็ กดิ ขนึ้ มาแบบนี้ พอรกู้ ด็ บั ไปแลว้ เกดิ ขนึ้ มาดกี ด็ แี ลว้ เขา้ ไปรคู้ วามดตี อ่ เหมอื น ดูจิตที่ดี มีผัสสะขึ้นมารู้สึกดีมีความสุข ดูจิตที่สุขต่อ มีผัสสะที่ดี ดูความสุข...สุขมากขึ้น เป็นความสุขที่ ใสขึ้น เปลี่ยนไปก็เป็นเหตุเป็นผลของตน เป็นเหตุปัจจัยของตนเองในแบบนั้น หน้าที่ของเราคือเข้าไป กาหนดรู้ แต่สิ่งที่ได้รับคืออะไร ตรงที่สภาพจิตมีความสงบขึ้น ผ่องใสขึ้น สบายขึ้น อิสระขึ้นนั่นแหละ ผล ที่ตามมาโดยตรง จากการกาหนดรู้ถึงอาการพระไตรลักษณ์
พอจิตอิสระขึ้น มีผลกระทบต่อผลที่ตามมา การรับรู้อาการทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนี่นะ พอ จิตคนเรารู้สึกว่างอิสระขึ้น อารมณ์ที่เกิดขึ้นมาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจก็จะปรุงแต่ง เข้ามาปรุงแต่งจิต ที่อิสระได้น้อยลง เพราะเขาอิสระไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์นั้น ๆ ไม่ตกเป็นทาสของผัสสะที่เกิดขึ้น อันนี้ ต้องพิจารณาบ่อย ๆ ใช้บ่อย ๆ เพื่อความอิสระ เพื่อความสบายใจ กาหนดรู้บ่อย ๆ
อย่าคิดว่าทาไม่ได้ ทาไม่ได้ไม่ใช่ว่าทาอะไร...ไม่ได้สร้างขึ้นมา แค่ใช้สติพิจารณากาหนดรู้ถึง ความเป็นธรรมชาติแค่นั้นเอง ไม่ใช่บังคับให้เขาเกิด บังคับให้เขาเป็น แค่ใช้สติปัญญาพิจารณาดูจิตตนเอง ให้ชัด รู้ถึงความไม่มีตัวตน รู้ถึงความว่าง ความเบา รู้ถึงบรรยากาศที่กาลังเป็นอยู่ ดูสภาพจิตที่กาลังเป็น อยู่เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นการเจริญกรรมฐานเพื่อการพัฒนาขึ้นนี่นะ เรารู้แบบนี้ รู้ให้ชัดไปเรื่อย ๆ
เดี๋ยวต่อไปอาจารย์จะไม่ใช้เสียง ให้เราทบทวนดูสภาพจิต เหมือนตั้งแต่เริ่มต้นเดินทางมาถึง ตรงนี้ เดินทางมาถึงตรงนี้หมายถึง สภาพจิตขณะนี้เป็นอย่างไร มีกาลังมากขึ้น ให้ดูจิตที่มีกาลัง เดินเข้า ไปในจิตที่มีกาลังอีก ขอให้ชัดนิดหนึ่งว่า จิตที่สงบมีกาลังมากขึ้น จิตมีความตื่นตัวมากขึ้น จิตมีความสว่าง ขึ้น จิตมีความใสขึ้น จิตมีความโล่งขึ้น จิตมีความโปร่งมากขึ้น อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วเราก็เข้าไปสารวจดู จิตอันนั้น และการที่ดูจิตที่โล่งขึ้น โปร่งขึ้น สว่างขึ้น ใสขึ้น ก็ต้องรู้ควบคู่ไปกับที่กายที่ตัวเรา ยิ่งจิตยิ่งโล่ง ยิ่งโปร่ง ที่รูปรู้สึก...ที่ตัวรู้สึกอย่างไร มันโล่งโปร่งไปด้วย มีพลังมากขึ้นด้วยไหม สังเกตแบบนี้ ควบคู่กัน ไปเสมอ จนกว่าจะสมควรแก่เวลา จากนั้นเราจะแผ่เมตตากันเป็นลาดับถัดไป ขอให้ตั้งใจกัน...
ในแตล่ ะแหง่ ในแตล่ ะขณะ เหมอื นเราลมื ตาเบกิ ตารชู้ ดั ทงั้ สองตา รชู้ ดั ประกอบดว้ ยสตสิ มั ปชญั ญะ เหมือนลืมตาดูแบบเต็มทั้งสองตา ไม่ใช่แค่เหลือบ ๆ ดู แค่ชาเลืองดู ดูให้ชัด ๆ แล้วก็จะเห็นชัดว่าสภาพ จิตเป็นอย่างไร
นอ้ มถงึ อานภุ าพแหง่ พระพทุ ธเจา้ นอ้ มถงึ พทุ ธานภุ าพเขา้ มาใสใ่ จของเราใหเ้ ตม็ นอ้ มเขา้ มาใสใ่ จของ เราให้เต็มก่อนที่จะแผ่เมตตา เหมือนเราน้อมถึงพระพุทธเจ้า ด้วยความรู้สึกที่เคารพเลื่อมใสศรัทธา น้อม เข้ามาใส่ใจของเราให้เต็ม ให้เราเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ผ่องใส เต็มไปด้วยพลัง จากนั้นให้ตั้งจิตอธิษฐาน