Page 137 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 137
657
ว่าเราเดินเข้าไปเจอความว่าง แล้วเราก็ไม่ได้ใส่ใจพิจารณาสังเกตเท่าที่ควร พอพิจารณาได้นิดหนึ่ง พอไม่มี อะไรก็ไม่ดูแล้ว พยายามจะทา จะหาอะไรบางอย่าง สร้างอารมณ์เกิดขึ้นมาโดยความไม่เข้าใจ
แต่ถ้าเราสังเกตดี ๆ เข้าไปรู้ อะไรคือสภาพจิต ในสภาพจิตที่ว่างที่สงบมีอาการอะไรเกิดขึ้นมา โดยธรรมชาติ โดยธรรมชาติเพราะเรามีทวารทั้งหก นอกจากในความสงบความสงัด ทวารอื่นก็ยังทาหน้าที่ อย่างที่บอกแล้วว่า เหมือนว่างไม่มีตัว แต่รู้สึกถึงลมกระทบพัดเย็นวาบเป็นขณะ ๆ นั่นคือทวารกาย ทวาร คือการกระทบทางกาย ผัสสะการรับรู้ทางกายเกิดขึ้น อันนี้ก็เหมือนกัน ไปเจอสี่แยก เจอความว่างคล้าย ๆ เดิม แต่พอมาดูที่ตัว ตัวมันแน่นกว่าเดิม ไม่ได้โปร่ง ๆ โล่ง ๆ เหมือนเดิม แน่นด้วยอะไร แน่นด้วยความ สงบ หนาแน่นด้วยความตั้งมั่น แต่บรรยากาศรอบ ๆ เงียบ ๆ เรื่อย ๆ
แต่ความต่างก็คือ จิตมีความตั้งมั่นมากกว่าเดิม มีความสงบมากกว่าเดิม การสังเกตแบบนี้ เป็น วิธีพัฒนาปัญญาของเรา เป็นวิธีพัฒนาปัญญาพิจารณาอาการพระไตรลักษณ์ ทีนี้พออารมณ์กระทบทางหู เกิดขึ้น ได้ยินเสียงขึ้นมา พอเรานิ่งแล้วได้ยินเสียง เสียงอะไร เสียงในความมืดนั่นแหละ ในความเงียบ ความสงัด ในที่เหมือนไม่มีอะไร แต่ลึก ๆ แล้ว เพราะจิตที่มีความหนักแน่นมั่นคงอยู่ พอนิ่งปื๊บ ในความ ไม่มีอะไรยังมีอาการบางอย่าง เหมือนเสียงอี๊ ๆ ๆ ๆ ในความมืด เราก็เห็นว่าทาไมถึงเรียกเสียงในความมืด เวลาเราเข้าไปในที่สถานที่มืด ๆ ไม่มีอะไรเลย หูเราจะสัมผัสถึงเสียงบางอย่างที่ดังอื๊อ ๆ ๆ มันอื้ออึงอยู่ ข้างใน ตรงนั้นก็เป็นเสียงอย่างหนึ่ง พอเราตั้งสติกาหนดรู้ถึงอาการของเสียงที่อื้ออึงที่เกิดขึ้น ก็จะเริ่มเป็น อาการเกดิ ดบั ของเสยี งอนั นนั้ วา่ เปลยี่ นแปลง ชดั เจน...มคี วามสมา่ เสมอ หรอื มอี าการเดยี๋ วชดั เดยี๋ วเบาเดยี๋ ว วาบขึ้นมา เดี๋ยวชัดขึ้นมาเดี๋ยวเบาไปจางไป หรือนิ่งอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา
นคี่ อื การทเี่ รากา หนดรอู้ ารมณอ์ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง การใสใ่ จอยา่ งละเอยี ดตรงนี้ สภาวธรรมจะปรากฏให้ รู้อย่างต่อเนื่องไป จนกว่าจะหมดบัลลังก์หรือว่าจนกว่าเราจะหลับ แต่ถ้าสงบแล้วหลับไปก่อน เสียงเหล่านี้ ก็ไม่ได้ยิน หรือได้ยินเสียงเหล่านี้เพลิน ๆ ถูกกล่อมแล้วก็หลับไป เขาเกิดขึ้นได้ แต่การที่เรามีเจตนาที่จะ ใส่ใจกาหนดรู้แบบนี้ ก็จะมีสภาวธรรมให้รู้และไม่หลับ เป็นการรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ที่เป็นปัจจุบัน อารมณ์ที่ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ เพราะฉะนั้น เราจะไม่มองผ่าน ๆ นี่คือการ พิจารณาดูกายดูจิต
ตรงนจี้ ะเปน็ อารมณป์ รมตั ถท์ งั้ หมด เปน็ สภาวธรรมทสี่ งู เปน็ การชา ระจติ ตนเอง รปู้ ลอดจากความ เป็นอัตตา รู้ถึงสัจธรรมจริง ๆ ที่กาลังปรากฏเกิดขึ้น ถามว่าจาเป็นต้องรู้ละเอียดไหม เพราะจาเป็นนี่แหละ จงึ ตอ้ งรใู้ หล้ ะเอยี ด ถา้ รเู้ ทา่ เดมิ จติ เทา่ เดมิ ไมม่ กี ารเปลยี่ นแปลง คดิ วา่ เขา้ ใจแลว้ แตส่ ภาพจติ ยงั เปน็ เหมอื น เดิม ยังว่าง ๆ เท่าเดิม เบาเท่าเดิม สงบเหมือนเดิม แล้วก็หลับเหมือนเดิมแบบนี้ แสดงว่าจิตเราอยู่ที่เดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
เพราะการรู้ความเปลี่ยนแปลง การใส่ใจตรงนี้ ที่บอกว่าแต่ละสี่แยกต่างกันอย่างไร นั่นคือการ พัฒนาการของจิตเรา รู้ไปเปลี่ยนไป ทีนี้แต่ละที่แต่ละแห่งจิตที่เปลี่ยนไป มีความสงบมากขึ้น มีความตั้ง มั่นขึ้น ทีนี้พอมีผัสสะทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจขึ้นมา จิตที่พัฒนาไปแล้ว จิตที่มีประสบการณ์ในการรับรู้