Page 136 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 136

656
ทนี พี้ อความคดิ ดบั ไป แลว้ บอกวา่ สงบไป เรากต็ อ้ งรวู้ า่ ความสงบคราวนี้ ตา่ งจากสแี่ ยกกอ่ นหนา้ นี้ อย่างไร นั่นคือการสังเกตดูว่าสภาพจิตเปลี่ยนไปอย่างไร ต่างจากเดิมอย่างไร พอมาถึงตรงนี้ เป็นความ สงบที่ต่างจากเดิมอย่างไร ก่อนหน้านี้รู้สึกเบา โปร่ง ๆ โล่ง ๆ ใส ๆ ตอนนี้เป็นสงบ สงบแล้วทาอย่างไร เราก็ต้องใช้หลักการเดิม คือสารวจสังเกตตั้งสติให้ดี พิจารณาดูว่าเราจะพักในความสงบนี้สักระยะ หรือว่า จะเดินทางต่อ การที่สารวจตรงนี้ พักหรือไม่พักอย่างไร การที่เดินทางมาถึงความสงบแล้วรู้สึก บางทีรู้สึก หมดแรง รู้สึกหมดแรง รู้สึกว่างไป เหมือนกับรู้สึกเบา ๆ โล่ง ๆ สงบเงียบ ๆ เหมือนหมดแรงหมดพลัง แต่ว่าเจอสถานที่ ๆ ดีกว่า
คือสภาพจิตที่สงบแล้วสบาย ถ้ารู้ว่าเป็นความสงบความสบาย เป็นความสงัดที่ประณีตกว่าเดิม ประณีตกว่าเดิมคือดีกว่าเดิม เป็นความสงบสงัดที่ประณีตกว่าเดิม...เป็นอะไร จะต้องรู้ว่าเป็นบรรยากาศ เปน็ สภาพจติ ของเรา เปน็ บรรยากาศของสภาพจติ ไมใ่ ชบ่ รรยากาศของอารมณอ์ นื่ ไมใ่ ชบ่ รรยากาศของอยา่ ง อื่น แต่เป็นบรรยากาศของสภาพจิต จิตเราเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ เป็นความสงบ ความเบา ประณีตกว่าเดิม เพราะฉะนั้นถ้าจะพัก เรามีเจตนารู้ชัดว่า ขอพักในความสงบนี้สักแป๊ปหนึ่ง สักระยะหนึ่ง
ถ้าเรามีเจตนาที่ชัดแบบนี้ เป็นการรับรู้ที่ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นการรู้ชัดว่าขณะนี้กาลัง ทาอะไร ขณะนี้ต้องการพักนิดหนึ่ง พักแล้วดูอะไร พักแล้วหลับ หรือพักเพื่อที่จะเพิ่มพลังให้กับตนเอง แต่ ถ้าพักแล้วหลับ เราจะไม่รู้ว่าพลังเพิ่มขึ้นไหม แต่ถ้าพักแล้วเรารู้สึกดูจิตเรา นิ่งแล้วพลังไหลเข้ามาที่จิตเรา ไหลเข้ามาเข้ามา ๆ รู้สึกว่าจิตเราอิ่มขึ้นเต็มขึ้นมีกาลังขึ้น แล้วพร้อมที่จะเดินทางต่อ เหมือนเราพักแล้วดื่ม น้าทานอาหาร ทาให้ร่างกายรู้สึกมีกาลังมีความสดชื่นขึ้น หรือนั่งพักแบบสบาย ๆ รับลมแบบเย็น ๆ เบา ๆ อันนี้ก็อย่างหนึ่ง
เพราะฉะนนั้ สภาวธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ ทอี่ าจารยพ์ ดู วา่ ดสู ภาพจติ ทเี่ ปลย่ี นไปนนี่ ะ ตรงนนี้ แี่ หละ การทเี่ รา รู้ไปอาการเกิดดับที่เกิดขึ้นเปลี่ยนไป พออาการเกิดดับหมดไป สภาพจิตเปลี่ยนเป็นไปอย่างไร หรือเหมือน ไปเจอที่สงบเหมือนเดิม มาเจอที่ว่าง ๆ เหมือนเดิม สี่แยกเหมือนเดิม เหมือนสี่แยกครั้งก่อนที่เราผ่านมา สอง...สาม...สแี่ ยก วา่ ง ๆ ๆ ๆ ถามวา่ เปน็ ทเี่ ดมิ หรอื เปน็ ทใี่ หม่ เปน็ ของเดมิ หรอื เปน็ ของใหม่ เปน็ สแี่ ยกใหม่ แตค่ ลา้ ยเดมิ คลา้ ยเดมิ ทา ไมถงึ คลา้ ยเดมิ ถงึ บอกวา่ เปน็ ของใหม่ เหมอื นเราเดนิ ทางมาไกลแลว้ ไมใ่ ชเ่ ราเดนิ ทางถอยหลงั กลบั ไป แตเ่ พยี งแตว่ า่ ไปเจอลกั ษณะอาการคลา้ ย ๆ กนั ถา้ คลา้ ยกนั กจ็ ะมคี วามแตกตา่ งในตวั
ความแตกต่างตรงนั้นคืออะไร ความแตกต่างคือความรู้สึกว่าเป็นเรา ความเบา ความสงบ ความ ว่างนั้นต่างไป ความรู้สึกว่าเป็นเราหาความรู้สึกว่าเป็นเรา ดูแล้วไม่มีเรา มีความเบา มีความสงบ ยิ่งดูรู้สึก ว่ารูปนี้ ความรู้สึกนี้...ต่างไป ถึงแม้บรรยากาศนั้นเหมือนไม่มีอะไร แต่พอดูลึก ๆ ดูสภาพจิตแล้วต่างไป นี่ คอื การดอู าการพระไตรลกั ษณ์ การเจาะสภาวะและกด็ สู ภาพจติ สลบั กนั ไปเรอื่ ย ๆ ทา แบบนคี้ อื การเดนิ ทาง ไปข้างหน้า นี่แหละการเจริญกรรมฐาน การปฏิบัติธรรมของเรา...ทีนี้รู้ให้ชัด รู้อย่างต่อเนื่อง
ที่อาจารย์พูดมานี่นะ เหมือนสภาวะเขาไม่มีหยุดเลย แต่ที่พูดตรงที่สี่แยกแต่ละสี่แยกนี่นะ บางที หยุดตั้งหลายนาที บางทีหยุดอยู่เป็นบัลลังก์ เพราะอะไร พอหยุดเป็นหลายนาที หยุดเป็นบัลลังก์ เพราะ


































































































   134   135   136   137   138