Page 135 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 135
655
เริ่มตื่นตัวขึ้น พอจิตเริ่มตื่นตัวขึ้น ก็เริ่มรับรู้อารมณ์มากขึ้น นอกจากแสงสีที่เกิดขึ้น กลายเป็นได้ยินเสียง ชัดขึ้นมา เสียงอะไรก็ตามที่ปรากฏชัดขึ้นมา นั่นคือเป็นอารมณ์ เริ่มมีแสง มีสี มีเสียงเกิดขึ้น สลับกันมา เป็นระยะ ๆ เราก็สังเกต พออาการนี้ยิ่งสลับกันมาเป็นระยะ จิตรู้สึกตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน มีความ สว่างมากขึ้นไหม รู้สึกไหมว่า เรารู้สึกว่าอันนี้คือทางเดินต่อไป
เมื่อไหร่ที่ยังเห็นอาการพระไตรลักษณ์เกิดข้ึน อาการเกิดดับไม่ว่าอารมณ์ไหนก็ตาม เมื่อเข้าไป กาหนดรู้ นั่นคือเส้นทางเดินที่จะเข้าไป ยิ่งเดินเข้าไปกาหนดรู้อาการเกิดดับมากขึ้น ๆ อาการเกิดดับนั้น เปลี่ยนไปอย่างไร เกิดดับเด็ดขาดมากขึ้นเร็วขึ้นอีกไหม หรือเกิดดับชัดเจนกว่าเดิมอย่างไร อันนี้คือจุดที่ โยคีจะต้องใส่ใจ นั่นคือการเจาะสภาวะ เพราะฉะนั้นพออาการนี้หมดไป กลายเป็นความคิดแทรกเข้ามา แทน ความคิดแทรกเกี่ยวกับเรื่องอะไร พอเห็นสภาวธรรมเหล่านี้มากขึ้น พอเปลี่ยนไป จิตตื่นตัวมากขึ้น บางทีก็จะมีคิดแว็บไปเรื่องนั้นนิดหนึ่ง แว็บไปตรงนั้นหน่อยหนึ่ง แล้วก็มาอยู่เฉพาะหน้า มารู้อาการที่กาลัง ปรากฏอยู่ พอมีความคิดแทรกเข้ามา เขาเรียกอารมณ์จรเกิดขึ้น พอมีอารมณ์จรเกิดขึ้น ถ้านาน ๆ แว็บเข้า มาแล้วก็หาย แว็บเกิดขึ้นก็หาย พอรู้ก็หาย แต่ก็มารู้มีอารมณ์หลักที่ปรากฏอยู่เฉพาะหน้า
มีอารมณ์หลักคืออาการบางอย่าง อาการเกิดดับบางอย่างที่เรากาลังตามรู้อยู่ อาการอะไร อาจ จะเป็นอย่างที่บอกว่าเป็นเสียง เป็นความเย็น ความร้อนที่เบาบางลงยังปรากฏเป็นระยะ ๆ แต่ก็มีความ คิดเกิดขึ้นมา พอมีความคิดเกิดขึ้นมาเราก็ต้องกาหนดรู้ กาหนดรู้อย่างไร กาหนดรู้ความคิดที่เกิดขึ้นมา ครั้งนี้ ต่างไปอย่างไร มีความบาง มีความเบา มีความจาง มีความใส เป็นแผ่น เป็นเส้น เป็นก้อน เป็นจุด นั่นคือลักษณะของความคิด ทีนี้เป็นแผ่น เป็นเส้น เป็นก้อน เป็นใส ๆ เป็นจุด สิ่งที่ต้องสังเกตคือ เป็น แผ่นแล้วดับอย่างไร เป็นก้อนดับอย่างไร เป็นจุดดับอย่างไร เป็นเส้นดับอย่างไร ใส ๆ แล้วดับอย่างไร
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นลักษณะอย่างไร ก็ต้องสังเกต ถึงการเกิดลักษณะของการเกิดการดับ ของความคิดอันนั้น พอกาหนดรู้ความคิดแบบนี้ อีกอย่างหนึ่งเราสังเกตว่า ความคิดนั้นเกิดอยู่ที่ไหน เกิด อยู่ท่ามกลางความใส เกิดอยู่ท่ามกลางความเบา ความคิดนั้นบอกว่าเป็นเราหรือเปล่า หรือเป็นความคิดที่ ลอยมา อยู่ ๆ ก็ลอยมาเอง ผุดขึ้นมาเอง ไม่ได้อยากคิดเลย ไม่ได้เข้าไปปรุงแต่งเลย แต่ปรากฏผุดขึ้นมา เองเป็นขณะ ๆ นั่นก็คือความคิด เป็นสภาวธรรมอย่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมา
พอเรากาหนดรู้ ยิ่งรู้ รู้ทัน รู้เร็วขึ้น ความคิดก็เกิดเร็วขึ้น รู้เร็วขึ้น ใส่ใจมากขึ้น ความคิดเกิดเร็ว ขนึ้ การทเี่ ราเหน็ วา่ ความคดิ เกดิ เรว็ ขนึ้ เรายงิ่ ใสใ่ จความคดิ ยงิ่ เขา้ มามากขนึ้ มนั เหมอื นกบั ทดสอบความไว ของสติเรา เป็นการเข้ามาเพื่อพัฒนาสติของเรา ยิ่งไวขึ้นเราก็ใส่ใจเข้าไป พร้อมที่จะกาหนดให้ทันความคิด มากขึ้น ไปรู้ขณะต่อไป ๆ อันนี้ดับ อันใหม่จะเกิด ๆ ๆ มุ่งไปที่จุดเกิดของความคิดให้ทัน เข้าไปถึงจุดเกิด ก็จะเห็นว่าเขาดับอย่างไร เพราะฉะนั้นจากที่เขาเกิดขึ้นเร็ว ๆ พอไปตามถึงจุดเกิดของความคิดปุ๊บ ความ คิดดับอย่างไร วูบไปเกลี้ยงไปว่างไปเลย หรือว่าพอวูบไปถึงจุดเกิดดับปื๊บ แล้วก็นาน ๆ ว่างไป สงบสักพัก ค่อย ๆ นาน...ความคิดถึงจะเกิดใหม่ นี่คือการกาหนดรู้สภาวธรรมอย่างต่อเนื่อง