Page 86 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การดูสภาพจิต
P. 86
606
เพราะฉะนนั้ เวลาเลา่ สภาวะกต็ าม ใหร้ วู้ า่ สภาพจติ เปน็ แบบนี้ จากเมอื่ วานไมค่ อ่ ยดเี ลย มคี วามคดิ เยอะแยะมากมาย ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสงบเฉย แล้วดีไหม ไม่ต้องถามว่าดีไหม ตอนนี้เปลี่ยนเป็นความสงบ รู้สึกดีขึ้น จิตสงบขึ้น จิตสงบขึ้น จิตเบาขึ้น ความคิดน้อยลงเยอะเลย ลองดูสิการสื่อสารถ้าเราพูดแบบนี้ เมื่อไหร่ กับที่บอกว่าความคิดมันน้อยลง ความคิดไม่ค่อยมี จิตเลยเฉย ๆ เห็นไหมเฉย ๆ ลองดูว่าอันไหน ให้ความรู้สึก ว่าจิตตรงไหนมีกาลังมากกว่ากัน อันไหนผ่องใสกว่ากัน สังเกตนิดเดียวเอง เพราะอะไร การ เห็นถึงสิ่งที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริง
อย่างที่บอกเมื่อกี้น้ีว่า รู้สึกมันสงบ มันเฉย ๆ แต่พอดูในความสงบ อ้าว!ความเฉยกลับเห็น เป็นความสงบ ลึก ๆ แล้วเขาสงบ พอสารวจดูรอบ ๆ ความสงบเขากว้างเหมือนกับเท่ากับบรรยากาศ พอไปดูในความสงบลึก ๆ เขายังมีความสุข มีความนุ่มนวล มีความเมตตาอยู่ลึก ๆ นี่สังเกตไหมว่า การ สังเกตแบบนี้นี่นะ ความดีที่มีอยู่แล้วยิ่งชัดยิ่งเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แบบมันเฉย ๆ ไม่รู้สึกรู้สา เฉย ๆ แล้วก็ข้ามไป นั่นคือแค่เห็นว่าอารมณ์ไม่กระทบ แต่ไม่รู้ว่าสภาพจิตใจลึก ๆ จริง ๆ เป็นอย่างไร ดีอย่างไร นี่คือตัว สาคัญนะ
พจิ ารณาสภาวธรรม ตรงนแี้ หละทบี่ อกวา่ ใหพ้ จิ ารณาใหแ้ ยบคาย ไมใ่ ชแ่ คเ่ ผนิ ๆ ทเี่ ราบอกวา่ เหมอื น เดิม ๆ ๆ นะ ถ้าพูดเหมือนเดิมทั้ง ๕ วัน ไม่เชื่อหรอก มีบ้างแหละ...หงุดหงิด มีบ้างแหละ...ไม่พอใจ ไม่ เหมือนเดิมทั้ง ๕ วันหรอก มีบ้างแหละ...ต้องดีขึ้นสงบขึ้น มีบ้างแหละ...หลับ อันนี้ไม่เหมือนเดิม มันไม่ เหมือนเดิม อย่าบอกว่าเหมือนเดิม ตอนที่หลับแล้วมันตื่นตัวขึ้นมา ก็เห็นเหมือนเดิมเพราะหลับไป นี่คือ การพิจารณาสภาวธรรมให้สังเกตให้ดี
ตอ่ ไปเดยี๋ วอาจารยจ์ ะไมใ่ ชเ้ สยี ง...สงบนดิ หนงึ่ เดยี๋ วเราจะแผเ่ มตตากนั เปน็ ลา ดบั ถดั ไป ใหน้ อ้ มนะ ทบทวนแล้วน้อมเข้ามาทาจิตให้ว่าง เข้าไปดูจิตที่ดีที่สุดของเรา เข้าไปดูในจิตที่ดีที่สุดขณะนี้ เป็นอย่างไร จิตที่ดีแล้วให้มีกาลังมากขึ้น การที่จะมีกาลังมากขึ้นก็คือ ดูให้ชัด ดูให้ชัดแล้วก็นิ่ง ดูให้ชัด เดี๋ยวต่อไป.. จากนั้นเราจะแผ่เมตตากัน
ต่อไปเราจะแผ่เมตตากัน ให้น้อมถึงบุญกุศลเข้ามาใส่ใจให้เต็ม และน้อมถึงบุญกุศล ทาให้จิตเรา เตม็ ไปดว้ ยพลงั ของบญุ เตม็ ไปดว้ ยความสขุ แลว้ กแ็ ผใ่ หก้ วา้ งออกไป ใหก้ วา้ งออกไปแลว้ หยดุ นดิ หนงึ่ เมอื่ รสู้ กึ วา่ จติ เราเตม็ ไปดว้ ยพลงั บญุ แลว้ กข็ อใหอ้ ธษิ ฐานจติ ใหก้ บั ตนเอง ดว้ ยอานภุ าพแหง่ บญุ นี้ จงมาเปน็ ตบะ เป็นพลวะเป็นปัจจัย ให้เราเป็นผู้มีสติมีสมาธิมีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงธรรมโดยฉับพลัน
จากนั้น...ให้แผ่จิตที่เป็นบุญอันนี้ให้กว้างออกไปอีก ให้กว้างออกไป ไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ ใหก้ วา้ งเทา่ จกั รวาล แลว้ ตงั้ จติ อธษิ ฐานแผบ่ ญุ กศุ ลอนั นี้ ใหก้ บั ผมู้ พี ระคณุ ทงั้ หลาย ไมว่ า่ จะเปน็ พอ่ แม่ ครบู า อาจารย์ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตาย เทวดาทั้งหลายทั้งที่อยู่ ณ สถานที่ แห่งนี้และที่อื่น ๆ จงรับรู้ถึงบุญกุศลที่เราได้แผ่ไปแล้วนี้ เมื่อรับรู้แล้วก็ขอให้อนุโมทนา เมื่ออนุโมทนาแล้ว ถ้ามีทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้ามีสุขก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ามีเวรมีภัยต่อกันก็ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกัน และกัน เพื่อความเจริญความผาสุกในชีวิตตลอดไป