Page 216 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 216
212
ทีนี้ เวทนาทางกายเราจะรู้สึกว่าเป็นเวทนาที่เป็นของหยาบ เพราะ เขาอาศัยร่างกายเกิดขึ้น แต่เวทนาทางจิต อันนี้เป็นเวทนาที่ละเอียด เรา รู้สึกว่าเป็นเวทนาที่ละเอียดแยบคาย เพราะอะไร ? เมื่อเวทนาเกิดขึ้นมา กเ็ กดิ ขนึ้ อยทู่ จี่ ติ แลว้ จะแยกจติ กบั เวทนาไดอ้ ยา่ งไร ? อาศยั การกา หนดรู้ สภาวธรรมอย่างต่อเนื่อง การบาเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรมของเรา ทาให้ สติ-สมาธิ-ปัญญาแก่กล้าขึ้น ก็จะสามารถเห็นได้ ทีนี้ เห็นได้อย่างไร ? โดยธรรมชาติสภาวะเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ถึงแม้จะปฏิบัติหรือไม่ ปฏิบัติก็ตาม เมื่อมีผัสสะอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่พึงปรารถนาเกิดขึ้นมา ทุกขเวทนาทางจิตก็เกิดขึ้น ความไม่สบายใจ ความขัดเคืองใจ ตรงนี้เป็น ทุกขเวทนาทางจิตที่เกิดขึ้นมา
ทีนี้ ถ้าเราสังเกตดี ๆ เมื่อกี้พิจารณาดูว่า จิตกับรูปที่นั่งอยู่เป็น คนละส่วนกัน แต่ในขณะเดียวกันจิตที่ทาหน้าที่รู้ว่าปวดกับความปวด เป็นคนละส่วนกัน ทีนี้ เวลาไม่สบายใจ มีความอึดอัดขัดเคืองเกิดขึ้น มี ความทุกข์เกิดขึ้น ตรงนี้ได้ชื่อว่าเป็นความทุกข์ที่ละเอียด เพราะฉะนั้น ทาอย่างไรถึงจะเห็นสัจธรรมตามที่พระองค์ทรงแสดง ? การที่เรามีสติ กาหนดรู้ใส่ใจเข้าไปพิจารณา... คาว่า “พิจารณา” คืออะไร ? อย่างที่ เราสังเกตพิจารณาดูว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เป็นส่วน เดียวกันหรือเปล่า ? ความไม่สบายใจกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ถึงความไม่สบาย เป็นส่วนเดียวกันหรือเปล่า ?
การกาหนดรู้แบบนี้เป็นการแยกจิตโดยที่เราไม่ต้องบังคับ อันนี้ สาหรับบุคคลที่ไม่สามารถยกจิตขึ้นสู่ความว่างได้ แต่จริง ๆ แล้วถ้าเรา กาหนดรู้ถึงความเป็นคนละส่วนระหว่างจิตกับกาย เห็นรูปกับนามแยก กนั จติ กว็ า่ งแลว้ แตถ่ า้ ไมพ่ จิ ารณาโดยแยบคายกจ็ ะรสู้ กึ วา่ พอมคี วามไม่