Page 39 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 39
ควร ก็ต้องมีความอดทน ถ้าเราย้อนกลับไปดูสมัยพุทธกาล หรือสมัย โบราณ ที่เราบอกว่าช่วงยุคสมัยที่มีพระอริยเจ้าทั้งหลายมากมายนี่ คาว่า “สัปปายะ” เหมือนที่เราเป็นอยู่ปัจจุบันนี้ มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน ? เราสบายกว่าเขาเยอะแค่ไหน ? เขาลาบากกว่าเรามากแค่ไหน ? เราจะได้ มีไอดอล มีแบบอย่างให้ดู แล้วเราจะรู้ว่า โอ! เขาทาได้ สมัยก่อนทาไม คนมีความอดทน มีความตั้งมั่น มีความเพียร และเข้าถึงธรรมได้ ?
แล้วเราล่ะ ? เราพิจารณาดู ถ้าเราคิดว่าสมัยก่อนก็คงสุขภาพ แข็งแรงมั้ง คงไม่เจ็บไข้ได้ป่วยมั้ง ก็ไม่ใช่! ยุคสมัยไหนก็ตามที่มีคนเกิด ขนึ้ มา กม็ คี วามเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยตามมา มคี วามลา บากมคี วามบบี คนั้ ทางดา้ น ร่างกายเหมือนกัน นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้า จึงใช้คาว่า เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว มีความแก่เป็นธรรมดา มีความเจ็บเป็น ธรรมดา และมีความตายเป็นธรรมดา เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ถ้าเรา ย อ้ น ก ล บั ม า ด เู ร า ใ น ป จั จ บุ นั อ า จ า ร ย ว์ า่ เ ร า ส ร า้ ง บ ญุ ม า ด ี ส ร า้ ง บ ญุ บ า ร ม มี า เยอะมากเลย สบาย! เวลาเราไปอินเดีย เราก็เป็นราชา-รานี มหาราชา- มหารานี ใช่ไหม ? แล้วเขาก็วิ่งเข้ามาหาเรา เพราะฉะนั้น ถ้าย้อนดูเราสุข สบายเยอะ ความสบายตรงนี้จะเกื้อกูลแก่ธรรมของเราอย่างไร ?
ทีนี้ เวลาไปเจออุปสรรคในการปฏิบัติธรรม อาจารย์มักจะนึกถึง พระจักขุบาล ที่บาเพ็ญเพียรเดินจงกรม ไม่ยอมหลับจนตาบอดเลย เพียรตลอดทั้งคืน แล้วไม่ใช่แค่คืนเดียวด้วย ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน เดินจงกรม อยากบรรลุธรรมมาก ๆ มีความเพียรมาก มีสัจจะมาก ไม่ ยอมหลับ ยอมเสียสละดวงตา แต่เขาก็บอกว่า พอบรรลุธรรมแล้วก็ได้ ตาทิพย์มาชดเชย เราก็ไม่แน่ใจนะ ไม่รู้เป็นสูตรสาเร็จหรือเปล่า!? ถ้าเป็น สูตรสาเร็จก็น่าลอง! ไม่รู้ว่าเป็นสูตรสาเร็จหรือเปล่า หรือเป็นคุณสมบัติ
35