Page 63 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 63

923
แล้วเราจะเห็นว่า ทาไมถึงเรียกว่าตัดไปได้ ถ้าเราพิจารณาดูว่าคาว่าละกิเลส ที่เป็นอริยะในเบื้องต้น เป็นโสดาบัน เกิดอีกอย่างมากแค่ ๗ ชาติ ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส แค่ ๓ อย่างเอง ไม่ ใช่โลภะ โทสะ โมหะ ยังมีอยู่...แต่เบาบางลง เห็นไหมเบาบางลง คืออายุอารมณ์สั้นลง ไม่ใช่ว่าไม่เกิดนะ เพราะฉะนั้น เราจะรู้สึกว่าทาไมยังโกรธอยู่ เอ้า!ก็ยังมี ก็ยังมีก็ทาหน้าที่ของเขานั่นแหละ ถ้าเขายังมี ไม่ทา หน้าที่ เขาเรียกว่ามี...ไม่ได้แล้ว คือเขายังมีก็ทาหน้าที่ของตน เพราะฉะนั้น นี่คือการละ การตัดแต่ละครั้ง
ถ้าเกิดอย่างมาก ๗ ชาติ คือใช้คาว่าอย่างมากนะ และถ้าอย่างน้อยเหลือกี่ชาติล่ะ อันนี้ก็ลองดู เสียดายนะ เหลือน้อยชาติทาอะไรได้ไม่เยอะแล้ว เอ่อ!นะ หรืออยากอยู่เยอะกว่านี้ ความอยากเยอะแยะ เลย ต้องต่อหลาย ๆ ชาติ...อย่าเลย พระพุทธเจ้าแสวงหามานาน จนพระองค์ตรัสรู้ รู้ถึงทุกข์ เหตุให้เกิด ทุกข์ รู้วิธีปฏิบัติถึงความดับทุกข์แล้ว จึงนามาสอนสาวกทั้งหลาย ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ที่ปรารถนาที่จะออก จากทุกข์ ได้เรียนรู้ ได้ปฏิบัติตาม เพื่อเจริญรอยตาม เพื่อออกจากทุกข์อย่างสิ้นเชิง
เพราะฉะนั้นเราผู้หนึ่ง เกิดมาแล้วได้เป็นสาวก ได้เป็นชาวพุทธ เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงแม้พระองค์ไม่ได้อยู่...ทรงดารงอยู่โดยชนม์ชีพ แต่ธรรมะของพระองค์น้ันยังมีชีวิตอยู่เสมอ ยังเป็น แนวทางที่ทาให้เราได้ปฏิบัติตาม พิสูจน์ได้อยู่ตลอดเวลา ธรรมะที่พระองค์ตรัสไว้แล้วนั้น เป็นอกาลิโก ใครทาเมื่อไหร่ ถ้าใครปฏิบัติตามเมื่อไหร่ ก็สามารถพิสูจน์ได้เข้าถึงได้ ไม่ว่ากี่พันปีกี่หมื่นปีก็ตาม ถ้ายังมี ผู้ปฏิบัติตามอยู่ ยังมีแนวทางที่ถูกต้องอยู่ ก็สามารถสัมผัส หรือเข้าถึงธรรมะนั้น ๆ ได้
เพราะฉะนนั้ พวกเรากเ็ ปน็ ผโู้ ชคดอี ยา่ งหนงึ่ อยากใหน้ อ้ มธรรมะนนั้ มาใสต่ วั นา มาปฏบิ ตั เิ พอื่ เจรญิ รอยตาม เพื่อเข้าถึงธรรมที่พระองค์ทรงแสดงแล้ว เพื่อการดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง เพื่อการทาที่สุดแห่งกอง ทุกข์ วันนี้การแสดงธรรมมาก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา ขอหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความเจริญในธรรมจงมี แก่โยคีทุก ๆ คน เจริญพร
วันนี้เป็นคืนสุดท้าย เดี๋ยวแผ่เมตตานิดหนึ่ง อันที่จริงเราสวดมนต์ก็แผ่เมตตาทุกครั้ง วันนี้เป็น คืนสุดท้าย ของการเข้าคอร์ส การเจริญกรรมฐาน การบาเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรม ขอให้เราน้อมถึงบุญกุศล ที่เราได้ทา ได้บาเพ็ญเพียร ได้ปฏิบัติมา น้อมเข้ามาใส่ใจของเรา ทาให้ใจอันนี้เต็มไปด้วยพลังบุญ เต็มไป ด้วยความสุข และจิตที่เต็มไปด้วยพลังบุญ เต็มไปด้วยพลังความสุขนั้น เป็นจิตที่มีอานุภาพ จะทาให้การ ปรารถนา ความปรารถนาของเราสัมฤทธิ์ผล เพราะฉะนั้นจึงควรน้อมถึงบุญกุศลที่ทา น้อมเข้ามาใส่ใจของ เราให้เต็ม ให้เต็มทั้งตัว ให้ล้นจากตัว แล้วก็ให้กว้างออกไป
เมอื่ รสู้ กึ วา่ จติ ของเรา เตม็ ไปดว้ ยพลงั บญุ แลว้ ขอใหต้ งั้ จติ อธษิ ฐานใหก้ บั ตนเอง ดว้ ยอานภุ าพแหง่ บุญนี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลวะ เป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงธรรมโดยฉับพลัน
จากนั้นให้แผ่จิตที่เป็นบุญอันนี้ให้กว้างออกไปอีก ให้กว้างออกไป ไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ ให้ กว้างเท่าจักรวาล แล้วตั้งจิตอธิษฐาน แผ่บุญกุศลอันนี้ให้กับผู้มีพระคุณทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูบา


































































































   61   62   63   64   65