Page 61 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 61
921
ถ้าย่อลงมา ก็เหลือแต่การกาหนดรู้อาการเกิดดับของรูปนาม เพราะอะไร ขณะที่เราอาศัยกาหนดรู้ อาการเกิดดับของเสียง เสียงเป็นรูปตัวจิตที่ไปรู้เป็นนาม ก็เหลือแต่อาการของรูปนาม ไม่ใช่รูปนี้ แต่เสียง เป็นรูป เป็นอาการของรูปนามที่เกิดดับอยู่ พอเราเห็นภาพ ภาพข้างนอกก็เป็นรูป จิตที่ไปรู้เป็นนาม ไปรู้ แล้วก็เกิดดับ ก็รูปนามตรงนั้นเกิดดับ พอกลับมาตรงนี้ เห็นรูปตรงนี้เกิดดับ อาการเต้นหัวใจเกิดขึ้น การ เต้นของหัวใจเป็นรูป ใจรู้เป็นนาม ก็รู้อาการเกิดดับของรูปนามนี้ไป เห็นไหม กลายเป็นอาการ มีแต่รูปกับ นามที่เกิดขึ้นรับรู้
เพราะฉะนั้น ถ้ากาหนดรู้แบบนี้ อาการ อารมณ์ ที่เราต้องใส่ใจนี่นะ เหลือทีละอย่าง อันไหนชัดรู้ ตรงนั้น จึงเป็นการ ตรงนี้แหละ ที่จะกลับมาสู่อารมณ์ปัจจุบัน ณ ขณะปัจจุบันขณะ จริง ๆ อารมณ์ไหน ชัดเรากาหนดอารมณ์นั้น เพราะอารมณ์ปัจจุบัน เขาสามารถสลับเปลี่ยนได้ จากเสียงมาเป็นความคิด จาก ความคิดมาเป็นอาการเต้นของหัวใจ จากอาการเต้นหัวใจไปที่ความคิดอีก เขาสลับกันแบบนี้ได้ แล้วอยู่ ๆ ก็มีเวทนา เดี๋ยวก็ไปสลับการรับรู้เวทนา เวทนาเกิดดับอย่างไร รู้ความคิดเกิดดับอย่างไร รู้เสียงเกิดดับ ลักษณะอย่างไร พอใส่ใจแบบนี้ ทาให้สติต่อเนื่องเป็นลูกโซ่
พอสติต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ สติก็แก่กล้าขึ้น สติแก่กล้าขึ้น พอสนใจอาการเกิดดับ การเกิดการดับ ของอารมณ์ที่ต่างไปเรื่อย ๆ สนใจถึงลักษณะทั้งการเกิดการดับ รู้ถึงความแตกต่างของการเกิดการดับ ปญั ญา...ความละเอยี ดกจ็ ะเกดิ ขนึ้ ลกั ษณะอาการการดบั กจ็ ะยงิ่ ชดั ขนึ้ ไปดว้ ยในตวั ตามกา ลงั ของเขา แต่ ไม่ใช่บังคับนะ คาว่าบังคับกับตั้งใจดูจะ ต้องแยกให้ชัดนะ บังคับให้เป็นกับการตั้งใจดู ตั้งใจสังเกตเข้าไป พิจารณา
บางทีเราตั้งใจดู ก็คือเข้าไปจดจ่อกับอาการ แต่เข้าไปจดจ้อง จดจ่อกับจดจ้องนี่ ใกล้กันมาก เลยนะ จ่อกับจ้องนี่ต่างกันตรงไหน เป็นผู้ดูช่องว่างระหว่างอารมณ์ แต่จ้องนี่นะช่องว่างระหว่างอารมณ์ จิตเรา ช่องว่างตรงนี้ต่างกัน ถ้าจดจ่อมันจ่อใกล้ ๆ อาการ แต่ถ้าจ้องช่องว่างมันกว้างขึ้นนิดหนึ่ง ถึงแม้ จะจ้องใกล้ ๆ แต่ก็ช่องว่างตรงนี้ แต่ถ้าจ่อติดไปเลย เห็นไหม นี่นะจ้องกับจ่อนี่นะ ให้จดจ่อ...กลัว ใช่... จดจ่อกับอาการติดไปกับอาการ จ้องเขาจะมีช่องว่าง ไม่อย่างนั้น...ติดตา เดี๋ยวจะมองเห็น มันกระทบตา เรา แล้วเราจะเคืองตา ถ้าจ่อ...เอาความรู้สึกจ่อติดไป มันไม่ต้องจ้องอยู่ที่เดียวกับอาการ ไม่ต้องจ้อง รู้สึก กับอาการ ลองสังเกตดู จ่อติดไปเลย
ถ้าเป็นอย่างนั้น สติเราก็จะกาหนดได้ปัจจุบันอย่างต่อเนื่องไป ต่อเนื่องแล้วสภาวะก็จะชัด รู้สึก เข้าไป ติดถึงข้างใน จริง ๆ แล้ว บางขณะนี่นะ พอเราจดจ่อไปติดกับอาการปึ๊บ ไม่ใช่จะเห็นแค่ตัวนี้ แต่ไป เห็นข้างในอาการว่ามีอะไรอีก รู้สึกติดเข้าไปกับอาการเกิดดับ เอาความรู้สึกเข้าไปถึงปึ๊บ จากที่อาการเกิด ดับเขาวึบแล้วดับ ๆ พอเอาความรู้สึกติดไป อาการวึบ ก็จะเห็นข้างในวึบนั้น มีอาการเกิดดับอย่างไร นี่ แหละเขาจะชัดขึ้นมาอีก
ไมใ่ ชแ่ ค.่ ..ถา้ เรามองแคว่ บึ เดยี ว เขากจ็ ะระดบั สายตา เหมอื นระดบั สายตาเราหา่ ง อยไู่ กลจากอารมณ์ ความชัดเจนก็เป็น...แต่ถ้ารู้สึกใกล้เข้าไป จิตเราใกล้เข้าไป อันนี้ไม่ใช่สายตานะ ใช้ความรู้สึก เพราะถ้าใช้