Page 107 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 107

83
ได้บอกว่าเป็นเรา ตัวไม่บอกว่าเป็นเรา ลองดูว่าสภาพจิตจะเป็นอย่างไร ? บรรยากาศรอบ ๆ ตัวตรงนี้เป็นอย่างไร ? รู้สึกโล่ง รู้สึกโปร่ง รู้สึกว่าง รู้สึกเบา.. เราพิจารณาอย่างนี้ เราไปใช้กับชีวิตของเราจริง ๆ ได้
ความรู้สึกที่โล่งโปร่งเบา ไม่ใช่จะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่เราหลับตา ไม่ ว่าจะลืมตาหรือหลับตา ถ้าเราดูที่จิตของเรา หรือดูที่ความรู้สึกของเรา เราก็ สามารถดับตัวตนได้ ดับความเป็นเราได้ เพราะความเป็นเราเป็นเขาเกิดขึ้น ที่ใจ ไม่ใช่เกิดที่ตาหรือเกิดที่กาย ไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะว่ามีตัว มีรูปหรือไม่ ถึงแม้มีตัว รู้ว่านั่งอยู่ ก็ไม่มีตัวตนได้ เพราะอะไร ? เพราะนั่นคือการละ การคลายอุปาทาน การไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้ว่าเป็นเรา เรา สามารถละได้ดับได้ จากที่เราฝึกมา จากที่เราปฏิบัติอยู่
เพราะฉะนั้น เวลาเราเคลื่อนไหว ทากิจกรรมต่าง ๆ ทาอยู่ในความ ว่าง ทาอยู่ในความสงบ ทาอยู่ในความเบา เราก็จะเป็นคนทางานต่าง ๆ ด้วย จิตที่ว่าง นี่แหละเขาเรียกว่าการปฏิบัติธรรม การทากิจกรรมภารกิจต่าง ๆ ด้วยจิตที่ว่าง ไม่มีเราไม่มีเขา แต่มี “สติ” และ “ปัญญา” พิจารณาในสิ่งที่ทา ทาอย่างไม่มีตัวตน เขาเรียก “ทางานทุกชนิดด้วยจิตว่าง” ว่างจากอะไร ? ว่างจากกิเลส ว่างจากตัวตน เมื่อไม่มีตัวตน ก็จะว่างจาก โลภะ โทสะ โมหะ เมื่อว่างจากโลภะโทสะโมหะ เราก็ว่างจากความทุกข์ หรือความทุกข์ ไม่เกิดขึ้น ตรงนี้เราทางานทุกชนิดด้วยจิตที่ว่าง ไม่ใช่ว่างจากความคิดหรือ ปัญญา
ความว่างตรงนี้ต้องอาศัยปัญญาถึงจะเห็นว่าว่างอย่างไร ว่างแค่ ไหน ว่างแบบไหน ถ้าเป็นความว่างไม่มีปัญญา ก็คือว่างแล้วหลับ ถ้าว่างแล้ว หลับ เราจะทาอะไรไม่ได้ คิดอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น จิตที่ว่างที่กล่าวถึง จึงเป็นความว่างที่ประกอบด้วยปัญญา เพราะฉะนั้น ธรรมะเรานาไปใช้กับ ชีวิตของเราได้จริง ๆ คาสอนของพระพุทธเจ้าเป็นการสอนเรื่องของชีวิต เพราะฉะนั้น ชีวิตเราไม่มีล้าหลัง พระพุทธเจ้าให้มีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อ


































































































   105   106   107   108   109