Page 106 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 106

82
เพราะว่าเรามีจิต มีเจตนา ปรารถนาที่จะขัดเกลาจิตใจตนเอง พยายามที่จะ ทาให้จิตใจของเราปราศจากอกุศลต่าง ๆ เพื่อละอกุศลต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น กับจิตใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นตัวโลภะโทสะโมหะ ความโลภความโกรธความ หลงที่เกิดขึ้นกับเรา เรามีความเพียรที่จะละ และพยายามทาจิตของเราให้ บริสุทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ยกจิตของตนเองให้สูงกว่าระดับที่เป็นมนุษย์ สูงกว่า ระดับที่เป็นเทวดา หรือสูงขึ้นไปจนเป็นพระอรหันต์ คือการสิ้นสุดแห่งกอง กิเลสทั้งมวล นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ที่จะเจริญรอยตาม คาสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น เราก็พิจารณาว่า ธรรมะข้อไหนที่จะเหมาะสมกับเรา ในขณะที่เรากาลังดาเนินชีวิตไปตามปกติ เป็นคฤหัสถ์ผู้ยังครองเรือน มีกิจ มากมายที่ต้องทา ไม่ได้อยู่แบบนักบวชที่สละเวลาอยู่กับธรรมะ ใส่ใจปฏิบัติ ธรรมอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราอยากให้เราอยู่ในกรอบ ได้ปฏิบัติตามคาสอน พระพุทธเจ้า ก็คือ มีศีลที่เป็นกรอบในการปฏิบัติ ในการดาเนินชีวิตของเรา ปัญหาต่าง ๆ ก็จะน้อยลง ความทุกข์ก็จะน้อยลง ความสงบร่มเย็นกับชีวิต เราก็มากขึ้น
เมื่อเวลาไหนที่เอื้ออานวย ให้เราได้พัฒนาจิตใจของเรายิ่ง ๆ ขึ้นไป เราก็มาปฏิบัติกรรมฐาน เจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เพื่อขัด เกลาจิตใจของเรา ให้มีความเจริญงอกงามในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ที่สาคัญ การปฏิบัติเพื่อให้จิตเรามีความเจริญงอกงาม หรือไม่ตกไปจากธรรม เรา พิจารณารู้ถึงธรรมะ ระลึกถึงธรรมบ่อย ๆ ระลึกถึงความไม่มีตัวตนบ่อย ๆ ไม่มีตัวตนอยู่เนือง ๆ
อย่างขณะที่เรานั่งอยู่นี้ หรือเวลาทางานทากิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิต ประจาวันของเรา เรากาหนดรู้ถึงความไม่มีตัวตนบ่อย ๆ ไม่มีตัวตนเนือง ๆ ลองดูว่าสภาพจิตจะเป็นอย่างไร ? แม้แต่ขณะนั่งอยู่ขณะนี้เดี๋ยวนี้ ถ้าเรา ดูที่ความรู้สึก หรือดูที่จิตเรา รู้ถึงความไม่มีตัวตน รู้ถึงความไม่มีเรา จิตไม่


































































































   104   105   106   107   108