Page 13 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 13

วันหนึ่ง ท่านแม่ครูถามพระอาจารย์ว่า “ปฏิบัติแล้วคิดจะสอน คนอื่นบ้างไหม” แม้ในใจพระอาจารย์ไม่คิดอยากสอนใคร ไม่คิดอยากเป็น วิปัสสนาจารย์ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า หากสามารถบอกหรือแนะนาผู้อื่น ได้บ้าง ก็คงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจและกาลังแสวงหา ท่านแม่ครูถาม ต่อว่า “อยากเรียนวิชาครูไหม” พระอาจารย์เห็นเป็นโอกาสอันดีจึงจัดหา ดอกไม้ธูปเทียนเพื่อขอเรียนวิชาครู
พระอาจารย์เริ่มจากการจดจาสภาวะของโยคีแต่ละคน แล้วนาไป เล่าให้ท่านแม่ครูฟังว่าคนไหนสภาวะเป็นอย่างไร หากเล่าไม่ละเอียดหรือ เล่าข้ามไป ท่านแม่ครูก็จะบอกให้เน้นจุดที่สาคัญ ท่านแม่ครูมักถามว่า “โยคีคนนี้อยู่ญาณไหน” แต่ท่านจะไม่เฉลย ให้พระอาจารย์กลับไปฟังโยคี ใหม่ แล้วพิจารณาทบทวนสภาวญาณของโยคีเพื่อมาเล่าให้ท่านฟังในวัน ถัดมา
นอกจากพระอาจารย์จะต้องจดจาสภาวะของโยคีแต่ละคนที่สอบ อารมณ์มาแล้ว ยังต้องบอกให้ได้ว่าสภาวะใดเป็นบัญญัติ สภาวะใดเป็น ปรมัตถ์ ท่านแม่ครูให้ความสาคัญกับการเป็นวิปัสสนาจารย์เป็นอย่างมาก คือจะต้องเป็นผู้รู้จริง ชัดเจน ไม่คลุมเครือ จึงจะสอนผู้อื่นได้ถูกต้อง ท่าน แม่ครูจึงเน้นให้พระอาจารย์พิจารณาแยกระหว่างบัญญัติกับปรมัตถ์ให้ชัด
จนกระทั่งวันหนึ่ง ท่านแม่ครูนิมนต์ให้พระอาจารย์ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ ประจาที่ท่านแม่ครูใช้สอบอารมณ์โยคี ด้วยเก้าอี้นั้นเป็นเก้าอี้สอนธรรมะ ของครูบาอาจารย์ พระอาจารย์จึงรู้สึกอึดอัดและลาบากใจมาก แต่ในเมื่อ ปฏิเสธความตั้งใจของท่านแม่ครูไม่ได้ จึงต้องขึ้นไปนั่งตามที่ท่านแม่ครู นิมนต์ ท่านแม่ครูถามท่านว่า “นั่งแล้วรู้สึกอบอุ่นไหม เก้าอี้นี้เป็นของท่าน แล้ว ยกให้ท่านแล้ว ต่อไปท่านทาหน้าที่นี้แล้วนะ” พระอาจารย์จึงเป็น วิปัสสนาจารย์เต็มตัวนับจากวันนั้นเป็นต้นมา


































































































   11   12   13   14   15