Page 27 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 27

3
“ดูจิตอยู่เนือง ๆ” ตามรู้จิตของตน เป็นการดูจิตในจิต ตามรู้จิต อย่างพวกเราฝึกเจริญกรรมฐาน นอกจากการกาหนดรู้อาการเกิด ดับของรูปนาม ของกายของใจ ธรรมดาตามสภาวญาณแล้ว สิ่งหนึ่งที่ควบคู่ กันไปก็คือดูสภาพจิต ดูสภาพจิตของเราว่าเป็นอย่างไร มีพลัง ? ไม่มีพลัง ? รู้สึกมีความผ่องใส มีความเบิกบาน หรือหดหู่ ห่อเหี่ยว ? รู้อย่างไร เห็น
อย่างไร อะไรเกิดขึ้นมาก็รู้ชัด
ที่จริงเราปฏิบัติได้ตลอด ถ้าเราปฏิบัติได้ มีธรรมะ มีสภาวธรรม มี
ความเพียร ธรรมะก็ก้าวหน้า เวลาเรามาปฏิบัติ การปฏิบัติธรรมมีเป้าหมาย ตั้งใจ มีเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วจะทาให้การปฏิบัติธรรมของเราต่อเนื่อง มี เป้าหมายชัดเจนที่จะทาให้สิ้นสุดอาสวกิเลส เพื่อที่สุดแห่งกองทุกข์ อย่างที่ บอกแล้ว.. เมื่อทาก็ต้องตั้งใจจริง ๆ “ตั้งใจจริง ๆ” ทาบ้างไม่ทาบ้าง เราก็ได้ เท่ากับทาบ้างไม่ทาบ้าง
ได้ธรรมะแล้ว สิ่งหนึ่งก็ต้องพิจารณามากขึ้น “การกระทาของเรา” ได้ธรรมะแล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่เราทา เราก็ต้องพิจารณาว่าเป็นไปอย่างไร ด้วย กาย วาจา ใจ ของเรา เป็นไปเพื่ออะไร มีเหตุมีผล มีธรรมะ คนมีธรรมะก็ เหมือนต้นไม้ใหญ่ ๆ คนเห็นก็รู้สึกร่มเย็น เห็นต้นไม้ใหญ่ ๆ เหมือนต้นไทร ใครเห็นก็รู้สึกสบายใจ คนก็อยากเข้าใกล้ เข้าไปใต้ร่มไม้รู้สึกมีความเย็น ความสบายใจ ถ้ามีธรรมะ มีเมตตา ธรรมชาติของต้นไม้.. ต้นไม้ใหญ่ ๆ จะ ดูร่มรื่น งดงาม ดูร่มเย็นดี แต่ถึงแม้ต้นไม้จะใหญ่ร่มรื่นยังไง ก็ต้องตัด แต่งกิ่ง ตัดแต่งกิ่งให้มันงดงาม ให้เป็นระเบียบ ให้ดูแล้วปลอดภัย
ต้นไม้ใหญ่ ๆ ถึงแม้มีร่มเงาดี แต่ถ้าไม่มีคนดูแล ไม่คอยตัดกิ่ง ให้ ดูสะอาด ให้ดูเรียบร้อย บางทีก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะฉะนั้น เรามีธรรมะ ปฏิบัติธรรม ก็ต้องดู กิ่งไหนที่มันยาวเกินไป ก็ต้องตัดมันออก เกะกะ ดูแล้วไม่สบายตา ตัดแต่งไปเรื่อย ดูให้งดงาม เห็นแล้วน่าเข้าไปอยู่อาศัย เข้าไปพักผ่อนหย่อนใจ ต้นไม้ใหญ่ ๆ จะให้น่าเข้าไปอาศัย ถ้าแต่งให้งดงาม


































































































   25   26   27   28   29