Page 426 - ธรรมปฏิบัติ 2
P. 426

402
พระพุทธเจ้ายังสอนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ที่เราเตือนนี้ คนที่เตือน เราว่าเราก็เหมือนเป็นการชี้ขุมทรัพย์ให้เรา คนที่ชี้ขุมทรัพย์ให้เรา ใครล่ะ ? คนนั้นมีคุณกับเราไหม ? มีคุณอย่างมากเลย! เพราะส่วนใหญ่แล้วเขาจะไม่ ชี้ขุมทรัพย์กันง่าย ๆ หรอก ถ้าใครได้ลายแทงก็เก็บเงียบ ไม่ยอมชี้ขุมทรัพย์ กันหรอก ถ้ามีใครชี้ขุมทรัพย์ให้เราถือว่าเป็นบุญของเราแล้ว เราก็กลับมาดู จะได้มีความสุข พอเขาชี้ขุมทรัพย์ให้เรา เราเห็น โอ! อันนี้ทรัพย์ก้อนใหญ่ เลย มีค่ามาก... แต่ก็ไม่ได้เป็นเพชรทุกครั้งหรอก ใช่ไหม ?
ขุมทรัพย์ของเรา บางทีก็ชี้เป็นเพชรก้อนใหญ่ เป็นทองเส้นเล็ก ๆ ก็ ถือว่าเป็นทรัพย์แล้ว เห็นไหม เป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องเล็กก็เป็น เรื่องเล็ก เออ! เรื่องนี้ต้องแก้ไข เราจะได้รู้สึกสบายมีความสุข กลายเป็นว่า พร้อมที่จะรู้ พร้อมที่จะเข้าใจ แล้วเราก็ได้ปัญญา สาคัญที่สุดก็คืออริย- ทรัพย์ คือปัญญาของเรานั่นเอง ปัญญาที่จะไม่ทุกข์กับสิ่งเหล่านั้น ถึงเรียก ว่าเป็นการชี้ขุมทรัพย์ให้กับเรา เพราะฉะนั้น ถ้าคิดอย่างนี้ สบาย ๆ อาจารย์ จึงเห็นว่า เออ! คนนั้นก็ดี คนนี้ก็ดี ทุกคนก็มีดี ทาไมหรือ ? เพราะทุกคน ก็ปฏิบัติธรรม อย่างน้อยก็ปฏิบัติธรรม ก็ถือว่าดีแล้ว ใช่ไหม ? ที่พูดมาก็ เล่าสู่กันฟัง เบา ๆ ตาดีได้ตาร้ายเสีย รู้จักร่อนเอาแล้วกัน ถ้าตะแกรงดีก็ อาจจะดีนะ
เพราะฉะนั้น วันนี้ก็ขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน ก่อนที่จะลุกเรามา แผ่เมตตานิดหนึ่ง... ยกจิตขึ้นสู่ความว่าง เติมความสุข นึกถึงบุญกุศลที่เรา ได้ทา อย่างใดอย่างหนึ่ง เติมจิตเราให้มีพลัง การแผ่เมตตาหรือการเพิ่มพลัง ให้ตัวเอง ก็คือการแผ่เมตตาให้ตัวเอง การเติมความสุขให้ตัวเอง ก็คือการ เมตตาตัวเองไม่ให้แห้งแล้ง ไม่ให้ห่อเหี่ยว ให้จิตใจของเรามีพลัง มีความสุข การเติมความสุขให้ตัวเองหรือบุญกุศลให้ตัวเองบ่อย ๆ ก็จะทาให้จิตเรามี ความชุ่มชื่นเบิกบานด้วยบุญด้วยกุศลอยู่เนือง ๆ ระลึกถึงความดีเมื่อไหร่ ก็มีความสุข เราจะไม่โดดเดี่ยว เราจะมีธรรมประจากาย มีอานุภาพของ


































































































   424   425   426   427   428