Page 17 - Test2
P. 17
สุดท้ายนี้ขอน�าบทกวีบางส่วนของท่านอังคาร
มาฝากท่านผู้อ่านค่ะ
ฉันเอาผ้าห่มให้ หายหนาว
ดึกดื่นกินแสงดาว ต่างข้าว
น�้าค้างพร่างกลางหาว หาดื่ม
ไหลหลั่งกวีไว้เช้า ชั่วฟ้าดินสมัยฯ
การเป็นทั้งจิตรกรและกวีของท่านอังคารนั้น
ท่านได้พูดว่า บทกวีและจิตรกรรมนั้นมาจากดวงใจ พลีใจเป็นป่าช้า อาถรรพณ์
ดวงเดียวกัน ต้องมีจินตนาการความคิด เสมือนการ ขวัญลิ่วไปเมืองฝัน ฟากฟ้า
สร้างนครวัด ที่ต้องมีภาพมาก่อนว่าท�าอย่างไรจึง เสาะทิพย์ที่สวรรค์ มาโลก
จะมีปราสาท จึงต้องมีมโนภาพที่กว้างใหญ่ไพศาล โลมแผ่นทรายเส้นหญ้า เพื่อหล้าเกษมศานต์ฯ
เพื่อที่เราจะสามารถสร้างสรรค์อะไรที่ใหญ่โตขึ้นมาได้ นิพนธ์กวีไว้เพื่อกู้ วิญญาณ
และการจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ได้ดีนั้นก็ต้อง กลางคลื่นกระแสกาล เชี่ยวกล้า
มีอารมณ์ที่จดจ่ออยู่กับงานด้วย ชีวีนี่มินาน เปลืองเปล่า
ใจเปล่งแววทิพย์ท้า ตราบฟ้าดินสลายฯ
หลักการเขียนกาพย์กลอนก็ต้องโปร่งใส ต้องใช้ จิตกาธารกรุ่นไหม้ โฉมไป ก็ดี
อิสระเสรี จึงจะท�าได้ดี เปรียบเหมือนทะเลเวลามี กาพย์ร�่าหอมแรงใจ ไป่แล้ว
คลื่นลมมาก เรือที่ลอยอยู่ก็สามารถจมได้ หากอารมณ์ จุติที่ภพไหน ภพนั้น
ไม่ดีก็ท�าไม่ได้ ขวัญท่วมทิพย์รุ้งแก้ว ร่วงน�้ามณีสมัยฯ
ลายสือไหววิเวกให้ หฤหรรษ์
ด้านงานจิตรกรรม ท่านอังคารเป็นผู้มีใจรัก ฝนห่าแก้วจากสวรรค์ ดับร้อน
และฝักใฝ่ในการวาดเขียนมาก ท่านยังให้ทัศนะในการ ใจปลิวลิ่วไปฝัน โลกอื่น
ท�างานว่าเหมือนกับการเติบโตของต้นไม้ที่ค่อย ๆ ขึ้นที หอมภพนี้สะท้อน ภพหน้ามาหอมฯ
ละใบสองใบ ค่อย ๆ แตกกิ่งก้านไปเรื่อย ๆ ถึงฤดูกาล ข้ายอมสละทอดทิ้ง ชีวิต
ก็แตกดอกออกผลไปตามล�าดับ หวังสิ่งสินนฤมิต ใหม่แพร้ว
วิชากวีจุ่งศักดิ์สิทธิ์ สูงสุด
ขลังดั่งบุหงาป่าแก้ว ร่วงฟ้ามาหอมฯ
เอกสารอ้างอิง
อังคาร กัลยาณพงศ์. (2541). ปณิธานกวี. กรุงเทพฯ : ศยาม.
อังคาร กัลยาณพงศ์. สืบค้นจาก http://www.wikiwand.com/th/อังคาร_กัลยาณพงศ์
กวีนิพนธ์บางบทของอังคาร กัลยาณพงศ์. (2545). สืบค้นจาก http://web.archive.org/web/20020602053921/
www.geocities.com/thailiterature/ak.htm
17 | L I B R A R Y 2 U