Page 22 - สูจิบัตรงานผูกพัทธสีมาวัดท่าทองน้อย e-Book
P. 22
[๑๖]
ต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยเห็นสมควรแล้วว่าทางวัดได้สร้าง
เสนาสนะขึ้นสมควรเป็นที่พ านักของพระภิกษุได้แล้ว นายธราศักดิ์ ชุนกองฮอ (ผู้
ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด) จึงได้ด าเนินการจัดท ารายงานขออนุญาตตั้งวัด ไปเพื่อทาง
ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาตั้งวัดในพระพุทธศาสนา ด้วยความ
เห็นชอบของมหาเถรสมาคม ส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงประกาศตั้งเป็นวัด
ขึ้นในพระพุทธศาสนามีนามว่า “วัดท่าทองน้อย” สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตาม
ประกาศส านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ เดือน ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๕๗ และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม ๑๓๒
ตอนที่ ๒๙ ง หน้า ๔ ลงวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ทั้งนี้นามวัดที่ได้รับตาม
ประกาศโดยการพิจารณาด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม
เจ้าอาวาสวัดท่าทองน้อย (รูปแรก และรูปปัจจุบัน)
ปัจจุบันมี พระอธิการสัมฤทธิ์ ขนฺติพโล (นามสกุล ฮ้งแก้ว) เป็นเจ้าอาวาสวัด
ท่าทองน้อย ประวัติ ภูมิล าเนาเดิมเป็นชาวต าบลไทรน้อย อ าเภอบางบาล จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา ได้ศึกษาสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี และได้จบการศึกษาสามัญ
ระดับ มศ.๓ ก่อนได้รับแต่งตั้งให้ด ารงต าแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าทองน้อย เป็นหัวหน้า
ผู้ดูแลที่พักสงฆ์บ้านน้อยท่าทอง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๕ –
วันที่ ๙ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ และหลังจากได้รับประกาศตั้งวัดแล้ว ได้รับ
ค าสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดท่าทองน้อย ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เดือน
กุมภาพันธ์ – วันที่ ๓๐ เดือน กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ด ารง
ต าแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าทองน้อย (เป็นรูปแรก และรูปปัจจุบัน) ตั้งแต่วันที่ ๑ เดือน
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
พระอธิการสัมฤทธิ์ ขนฺติพโล เป็นแกนน าผู้ริเริ่มที่ส าคัญในการก่อสร้างวัดท่า
ทองน้อย ร่วมกับชาวบ้านน้อย ชาวบ้านท่าทอง และผู้มีจิตศรัทธาโดยทั่วไปในการ
ร่วมใจกันสร้างวัด และพัฒนาวัดให้มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นต้นมาตามล าดับ ในการนี้
พระอธิการสัมฤทธิ์ ขนฺติพโล ได้สร้างสาธารณูปการภายในวัดนานัปการตั้งแต่
สิ่งก่อสร้างที่มีขนาดเล็กไปจนถึงสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ต่างๆ โดยริเริ่มพัฒนา
ก่อสร้างอาคารเสนาสนะ และสิ่งปลูกสร้างภายในวัดจนแล้วเสร็จ มีดังนี้ (๑) ศาลา
การเปรียญ (หลังเก่า) สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ (๒) กุฏิสงฆ์ (คอนกรีตเสริมเหล็ก)
จ านวน ๘ หลัง (๓) เมรุ (คอนกรีตเสริมเหล็ก) สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ – ๒๕๔๓ (๔)
ศาลาธรรมสังเวช (คอนกรีตเสริมเหล็ก) สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ – ๒๕๔๙