Page 22 - Bang rak
P. 22

15




                       ทางเชื้อชาติ ภาษาและวัฒนธรรม มีการผสมผสานระหว่างชุมชนตะวันออกและตะวันตก ทั้งที่คนพื้น
                       เดิมยังคงเป็นชนชาวไทย ส่วนชาวลาวและทวายมักจะประกอบอาชีพท้าสวน ท้านา ย่านสองฝั่งคลอง
                       สีลม และตามแนวถนนสีลม ตั้งแต่ศาลาแดงถึงถนนเดโช และตั้งแต่ถนนประมวญถึง ถนนเจริญกรุง
                       ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 6 บรรดาขุนนางไทยรุ่นใหม่ และผู้ดีใหม่ได้ขยับขยายมา

                       ตั้งบ้านเรือนอยู่ในย่านสีลม เพราะเป็นท้าเลที่มีอากาศดีและสามารถเดินทางเข้ามาติดต่อยัง
                       เขตพระนครได้สะดวก นอกจากนั้นยังมีชาวอิสลามที่มีอาชีพเลี้ยงโค เลี้ยงแพะอาศัยอยู่ตามริมคลอง
                       บริเวณซอยประดิษฐ์ และยังมีวัดแขกหรือวัดพระศรีมหาอุมาเทวีตั้งอยู่มุมถนนปั้นกับมัสยิดมีรุซุดดีน
                       ในซอยประดิษฐ์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชาวฮินดูและอิสลาม ที่ปรากฏหลักฐานอยู่ในปัจจุบันหลังจาก

                       การสร้างถนนสีลมไม่นานก็เริ่มมีชาวจีนในบังคับสยาม และบังคับต่างประเทศรวมทั้ง จีนมลายู ที่
                       เรียกว่าจีนบาบ้า ทยอยเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานท้ามาหากิน เพราะย่านส้าเพ็งตลาดเก่าและเยาวราช ที่
                       เป็นศูนย์กลางของชาวจีนแต่เดิมเริ่มแออัดหนาแน่นซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย เป็นเจ้าของ
                       โรงสี โรงเลื่อยเสมียน สมุห์บัญชี ตลอดจนรับราชการที่โรงภาษีและกรมเจ้าท่า แถวถนน  สี่พระยา

                        เอกลักษณ์ของชุมชนย่านสีลม – บางรัก ซึ่งแตกต่างจากชุมชนย่านอื่น ๆ ใน
                       กรุงเทพมหานคร สมัยนั้นก็คือมีชาวตะวันตกหลายชาติ หลายภาษา ที่นอกจากจะเป็นพวกฝรั่งกงสุล
                       นักธุรกิจหรือนายช่างสถาปนิก ยังมีคณะบาทหลวงมิชชังดรมันคาทอลิกและมิชชันนารีนิกาย

                       โปรเตสแตนต์ที่ท้างานประกาศศาสนาไปพร้อม ๆ กัน กับการท้างานด้านการศึกษา และการแพทย์
                       ท้าให้ชุมชนย่านสีลม – บางรัก จึงมีทั้งสถานทูต โบสถ์ สภาคริสตจักร สุสานสโมสร โรงเรียนหรือ
                       แม้แต่โรงพยาบาล
                        กล่าวโดยสรุป ที่มาของชื่อเขตบางรักมีการสันนิษฐานที่มาไว้หลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
                       ข้อแรกที่ว่าบริเวณเขตบางรักนี้เคยมีคลองเล็ก ๆ ที่ไหลลงแม่น้้าเจ้าพระยา และมีผู้พบซุงไม้รักขนาด

                       ใหญ่ในคลองนั้น จึงเรียกชื่อบริเวณนี้ตามชื่อไม้ว่า “บางรัก” หรืออีกกระแสหนึ่งที่เชื่อว่า ริมแม่น้้า
                       เจ้าพระยาบริเวณนี้มีต้นรักขึ้นอยู่เป็นจ้านวนมากจนเป็นที่มาของชื่อ บ้างก็ว่าชื่อบางรักนั้นมาจากโรง
                       หมอหรือโรงพยาบาลในสมัยนั้นซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ส้าคัญของอ้าเภอ จึงได้ชื่อว่าเป็น “อ้าเภอบาง

                       รักษ์” และเรียกเพี้ยนมาเป็น “บางรัก” อย่างในปัจจุบัน ส่วนที่มาสุดท้ายเชื่อกันว่า เดิมเขตบางรักใน
                       อดีตเรียกกันว่าคลองบางขวางล่างใต้ เป็นย่านที่มีคนมากมายหลากหลายอาชีพทั้งกะลาสีลูกเรือฝรั่ง
                       ต่างชาติอยู่รวมกัน เป็นแหล่งกินแหล่งเที่ยวที่มีการทะเลาะวิวาทถึงขั้นฆ่ากันตายบ่อยครั้ง ชาวบ้านใน
                       แถบนั้นจึงขอให้ใช้ชื่อที่เป็นมงคลเรียกย่านนี้ว่า “บางรัก” แทนชื่อเดิม บางรักในวันนี้ก็ถือเป็นชื่อที่

                       เป็นมงคลเกี่ยวกับเรื่องความรัก จนท้าให้ในวันวาเลนไทน์ของทุกปี มักจะมีคนไป จดทะเบียนกันที่เขต
                       บางรักมากเป็นพิเศษเพราะเชื่อกันว่าจะมีความรักสดชื่นสดใสเหมือนชื่อเขต


                       เรื่องที่ 2 ความส าคัญของเขตบางรัก

                               1. มิติด้านสังคม
                         ย่านบางรัก เป็นย่านทันสมัยแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร บางรักจากอดีตจนถึง

                       ปัจจุบันคือ แหล่งธุรกิจการค้านานาชาติที่ส้าคัญของกรุงรัตนโกสินทร์เป็นจุดรวมความทันสมัยและ
                       ศิลปวิทยาการใหม่จากต่างประเทศมาอย่างยาวนาน ด้วยได้รับอิทธิพลจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27