Page 47 - SeeSoon
P. 47
นายไม่อ่านหนังสือ นายจะรู้อะไร – ศิลป์ พีระศรี
ค�าพูดนี้ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ยังเป็นจริงเสมอ การอ่านหนังสือคือการเปิดโลกความรู้
เสริมสร้างจินตนาการ และท�าให้รู้ความเป็นไปในสังคม การอ่านจึงส�าคัญ
ทักษะการอ่าน:ลองหาหนังสือภาษาอังกฤษส�าหรับเด็กมาอ่าน จากนั้นเพิ่มระดับ
ความยากไปเรื่อยๆ อาจเป็นหนังสือนิทานที่เน้นการอ่านมากขึ้น และค่อยๆ ขยับมาเป็น
หนังสือทั่วไป
แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ หนังสือที่เขียนเชิงวิชาการ ซึ่งจะได้การเขียนที่ตรงตาม
หลักไวยากรณ์และเป็นคลังศัพท์เฉพาะ อีกประเภทคือ หนังสือที่ไม่ใช่เชิงวิชาการ
เช่น นิยาย เราจะเจอภาษาที่ใช้ในชีวิตประจ�าวันมากกว่า ซึ่งสามารถน�าไปปรับใช้ได้จริง
Tip: ใช้ดิกชันนารีค้นค�าแปลภาษาเดียวกัน เช่น English-Englishค�าแปลภาษาเดียว
กันคือการใช้ศัพท์ง่ายกว่ามานิยามหรือให้ความหมาย ช่วยให้เรามองภาพรวมเป็นภาษา
นั้นอยู่ตลอดเวลา และค�าเหล่านี้ยังช่วยในการเขียนรูปประโยคที่แตกต่างกัน
(Paraphrase) ได้
ยืนยันตัวตนและความคิด
ทักษะการเขียน:หลายคนคงเคยได้ยินค�าพูด “ข้อสอบมหา’ลัยมีแต่เขียน
ตอบ” นั่นเพราะการเขียนคือการแสดงความคิดและยืนยันตัวตนของเราได้ดีที่สุด อีก
ทั้งยังเป็นการแสดงความเข้าใจของเราต่อกระบวนวิชาที่เรียน
เมื่อเรามีความรู้ด้านไวยากรณ์และมีค�าศัพท์ในคลังมากพอ การเขียนจะไม่ใช่เรื่อง
ยากอีกต่อไป เริ่มจากเขียนไดอารี่เป็นประโยคสั้นๆ จากนั้นค่อยๆเพิ่มจ�านวน และ
สามารถเขียนยาวเป็นย่อหน้าได้ การอ่านช่วยพัฒนาทักษะการเขียนได้ โดยสังเกตการ
ใช้ค�า วลี หรือประโยคของหนังสือที่เราอ่าน หรือผลงานนักเขียนที่ชอบ น�ามาประยุกต์
ใช้ในแบบของเรา และค่อยๆ เกลาภาษาการเขียนของตัวเอง
การฝึกภาษาตามวิธีธรรมชาติไม่จำาเป็นต้องฝึกตามลำาดับ เพราะเราเองก็มี
พื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้างแล้ว จึงสามารถพัฒนาควบคู่กันไปเพื่อร่นระยะเวลา
ในการฝึก เผื่อใครจะนำาเทคนิคนี้ไปฝึกใช้กับภาษาอื่นๆ ที่สนใจ
และพร้อมรับมือกับการก้าวสู่ยุค Thailand 4.0 ก็ยังได้
45