Page 89 - water pocket book_Neat
P. 89
บทที่ ๓
สถำนกำรณ์และปัญหำด้ำนทรัพยำกรน�้ำของประเทศ
๓.๑ ศักยภำพทรัพยำกรน�้ำในประเทศ
ปริมำณน�้ำฝน
ี
ี
�
ื
พ้นท่ประเทศไทยประกอบด้วย ๒๕ ลุ่มน้ำหลักมีพ้นท่ประมำณ ๕๑๔,๐๐๘ ตำรำงกิโลเมตร
ื
หรือ ๓๒๑.๒ ล้ำนไร่ สภำพพื้นที่ตั้งอยู่ภำยใต้อิทธิพลของลมมรสุม ๒ ชนิด ได้แก ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และ
่
ี
ั
่
ื
ื
ี
ุ
ุ
ี
ั
ลมมรสมตะวนออกเฉยงเหนอ โดยทลมมรสมตะวนตกเฉยงใต้พดปกคลมประเทศไทยระหว่ำงกลำงเดอน
ั
ุ
ี
พฤษภำคมถึงกลำงเดือนตุลำคม มีปริมำณฝนรำยปีเฉล่ยท่วประเทศประมำณ ๑,๔๕๕ มิลลิเมตร มีควำมผันแปร
ั
ตำมพื้นที่ระหว่ำง ๙๐๐-๔,๐๐๐ มิลลิเมตรต่อปี ดังแสดงในรูปที่ ๓-๑
ปริมำณน�้ำผิวดิน
ิ
�
ึ
�
ี
ปริมำณน้ำท่ำตำมธรรมชำต (Natural Flow) ซ่งเป็นปริมำณน้ำบนผิวดินท่เกิดจำกฝน
ั
โดยหักกำรซึมลงใต้ดิน และกำรระเหยแล้ว มีปริมำณรวมท่วประเทศ ๒๘๕,๒๒๗ ล้ำนลูกบำศก์เมตร เป็นปริมำณ
น�้ำท่ำไหลออกนอกลุ่มน�้ำ ที่เหลือจำกกำรเก็บกักและกำรใช้ประโยชน์แล้ว (Runoff) จ�ำนวน ๒๒๔,๐๒๔ ล้ำน
ลูกบำศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗๙ ของน�้ำท่ำธรรมชำติ โดยลุ่มน�้ำที่มีปริมำณน�้ำท่ำ (Runoff) สูง ได้แก่ลุ่มน�้ำโขง
�
�
(อีสำน) ภำคใต้ฝั่งตะวันออกและแม่กลอง ตำมล�ำดับ ในขณะท่ลุ่มน้ำท่มีปริมำณน้ำท่ำน้อยท่สุด ได้แก่ ลุ่มแม่น้ำ
�
ี
ี
ี
ี
�
ี
สะแกกรัง วัง และโตนเลสำบ ตำมล�ำดับ ส�ำหรับลุ่มน้ำท่มีปริมำณน้ำท่ำรำยปีต่อพ้นท่ลุ่มน้ำมำกท่สุด ได้แก่
ื
ี
�
�
ลุ่มน�้ำชำยฝั่งทะเลตะวันออก และน้อยที่สุด ได้แก่ ลุ่มน�้ำวัง
ปริมำณน�้ำบำดำล
ประเทศไทยมี แอ่งน�้ำบำดำลทั้งหมด ๒๗ แอ่งน�้ำบำดำล มีปริมำณกำรกักเก็บในชั้นน�้ำบำดำล
รวมประมำณ ๑.๑๓ ล้ำนล้ำนลูกบำศก์เมตร (ดังแสดงในรูปที่ ๓-๒) มีศักยภำพที่จะพัฒนำขึ้นมำใช้ได้ โดยไม่
กระทบต่อปริมำณน�้ำบำดำลที่มีอยู่ได้รวมปีละ ๔๕,๓๘๕ ล้ำนลูกบำศก์เมตร (ที่มำ: กรมทรัพยำกรน�้ำบำดำล
เม.ย. ๒๕๖๐) อย่ำงไรก็ตำมในกำรพัฒนำน�้ำบำดำลขึ้นมำใช้นั้น มีข้อจ�ำกัดในเรื่องของควำมคุ้มทุน เนื่องจำก
มีค่ำใช้จ่ำย (ค่ำไฟฟ้ำ/ค่ำน�้ำมัน/ค่ำบ�ำรุงรักษำ) ในกำรสูบน�้ำ อีกทั้งก่อนท�ำกำรเจำะบ่อน�้ำบำดำล จ�ำเป็นต้อง
มีกำรส�ำรวจเพ่อให้สำมำรถก�ำหนดจุดในกำรเจำะบ่อน้ำบำดำลท่มีปริมำณและคุณภำพน้ำบำดำลท่ด โดยเฉพำะ
ี
ี
ื
�
�
ี
พื้นที่ที่เป็นหินแข็งและพื้นที่น�้ำเค็มซึ่งจะมีค่ำใช้จ่ำยในกำรด�ำเนินกำรส�ำรวจค่อนข้ำงสูง
ปริมำณแหล่งน�้ำต้นทุนที่ควบคุมได้
�
ู
ิ
ิ
่
ี
ปรมำณนำท่ำธรรมชำตเฉลยของประเทศไทยมจำนวน ๓,๔๙๖ ลกบำศก์เมตรต่อคนต่อปี
้
ี
�
ี
ี
ึ
�
ื
ซ่งถือว่ำเป็นค่ำเฉล่ยท่ต่ำเม่อเทียบกับประเทศในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำรพัฒนำแหล่งเก็บกักน้ำ �
รวมควำมจุ ๘๑,๓๗๓ ล้ำนลูกบำศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๘ ของปริมำณน�้ำท่ำธรรมชำติ จ�ำแนกเป็นแหล่ง
�
เก็บกักน้ำขนำดใหญ่ ๗๓,๔๘๐ ล้ำนลูกบำศก์เมตร ขนำดกลำง ๔,๒๐๐ ล้ำนลูกบำศก์เมตร และขนำดเล็ก ๓,๖๙๓
ล้ำนลูกบำศก์เมตร มีปริมำณน�้ำที่น�ำไปใช้ประโยชน์ได้ปีละประมำณ ๖๕,๐๐๐ ล้ำนลูกบำศก์เมตร ซึ่งปริมำณ
ื
น้ำส่วนน มำกกว่ำร้อยละ ๙๐ มำจำกอ่ำงเก็บน้ำขนำดใหญ่ เช่น เข่อนภูมิพล เข่อนสิริกิต เข่อนศรีนครินทร์
์
ื
ี
ื
�
�
ิ
้
และเขื่อนวชิรำลงกรณ์