Page 43 - Microsoft Word - บทที่ 2.doc
P. 43
-45-
พุทธศักราช 2515 เปนตนมา ใหกระทําโดยประกาศมติของสภาใหประชาชนทราบเทานั้น ไมจําเปนตองออกพระราชบัญญัติอนุมัติหรือไมอนุมัติอีกชั้นหนึ่ง เหมือนวิธีเดิม
จ. เรื่องการอนุมัติหรือไมอนุมัติพระราชกําหนดโดยฝายนิติบัญญัตินี้ ถือ เปนเงื่อนไขที่สําคัญยิ่งของการตราพระราชกําหนด ทั้งนี้ เพราะถาไมกําหนดใหมีการเสนอ ตอสภานิติบัญญัติ เพื่ออนุมัติหรือไมอนุมัติแลว อาจมีผลสําคัญในทางการเมืองได เชน ตามรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2490 มาตรา 80 ได บัญญัติใหนําพระราชกําหนดนั้นเสนอตอรัฐสภาเพื่อทราบ ในการประชุมรัฐสภาคราว ตอไปเทานั้น ในกรณีนี้ จะเห็นไดวาเปนการเปดโอกาสใหรัฐบาลถือเอาเหตุฉุกเฉินที่ เกิดขึ้นระหวางที่สภานิติบัญญัติไมอยูในสมัยประชุม ออกพระราชกําหนดหรือแกไขเพิ่ม พระราชบัญญัติที่ออกมาโดยรัฐบาล พอสภาเปดสมัยประชุมก็เพียงเสนอใหทราบ สภาก็ไม รูจะทําอยางไร เพราะไดออกใชบังคับไปแลว ถาจะยกเลิกก็จะตองออกพระราชบัญญัติ ยกเลิกพระราชกําหนดกันอีก ทําใหเกิดความยุงยากสับสนจนราษฎรตามไมทัน เพราะฉะนั้น การอนุมัติจึงเปนเรื่องสําคัญไมใชเปนเรื่องเล็กนอย เพราะเปนการปองกัน ไมใหฝายบริหารเขาไปแยงใชอํานาจนิติบัญญัติของฝายนิติบัญญัติ โดยฝายนิติบัญญัติไมมี ทางที่จะควบคุมได
2. พระราชกฤษฎีกา บทบัญญัติที่ออกโดยฝายบริหารเพื่อการบริหารราชการแผนดินตามปกติ
คือ พระราชกฤษฎีกา ซึ่งเปนกฎหมายที่ออกโดยอาศัยอํานาจบริหารโดยพระมหากษัตริย ตามที่คณะรัฐมนตรีถวายคําแนะนํา ดังที่บัญญัติ ในมาตรา 187 “พระมหากษัตริยทรงไวซึ่ง พระราชอํานาจในการตราพระราชกฤษฎีกาโดยไมขัดตอกฎหมาย” เพราะฉะนั้น จึงสมารถ บัญญัติในเรื่องที่ไมเกินอํานาจของฝายบริหาร หรือเกินกวาอํานาจตามที่กฎหมายบัญญัติไว
พระราชกฤษฎีกา มีอยู 2 ชนิด คือ
ก. พระราชกฤษฎีกา ที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามรัฐธรรมนูญอยางเดียว เพื่อ กําหนดกิจการที่ฝายบริหารตองปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เชน ในกรณีอายุของสภา ผูแทนราษฎรสิ้นสุดลง พระมหากษัตริยจะไดทรงตราพระราชกฤษฎีกา เพื่อใหมีการ เลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม หรือทรงตราพระราชกฤษฎีกาในกรณีที่มีการยุบสภา เพื่อใหมีการ เลือกตั้งใหม หรือการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อเรียกประชุม ขยายเวลาการประชุม หรือปด ประชุมสภา เปนตน