Page 6 - คู่มือความรู้เข้าใจในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเล่ม 1
P. 6
ื
คิดเป็นเร่องสาคัญ หรือความสามารถในการแยกแยะระหว่างประโยชน์
�
ส่วนบุคคลออกจากประโยชน์ส่วนรวม เป็นสิ่งจ�าเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นกับทุกคนใน
สังคม ต้องมีความตระหนักได้ว่าการกระท�าใดเป็นการล่วงล�้าสาธารณประโยชน์
�
ี
การกระทาใดเป็นการกระทาท่อาจเกิดการทับซ้อนระหว่างผลประโยชน์
�
ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม ต้องคานึงถึงประโยชน์ของประเทศชาต ิ
�
เป็นอันดับแรกก่อนที่จะค�านึงถึงผลประโยชน์ส่วนบุคคลหรือพวกพ้อง
่
ุ
ี
การทจริตในสงคมไทยระหว่างช่วงกว่าทศวรรษทผ่านมาส่งผลเสยต่อ
ั
ี
ประเทศอย่างมหาศาลและเป็นอุปสรรคส�าคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติ
ี
ิ
รูปแบบการทุจริตจากเดิมท่เป็นการทุจริตทางตรงไม่ซับซ้อน อาท การรับ
สินบน การจัดซื้อจัดจ้าง ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นการทุจริตที่ซับซ้อนมากขึ้น
�
�
ตัวอย่างเช่น การทุจริตโดยการทาลายระบบการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ
�
การกระทาท่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือผลประโยชน์ทับซ้อน และ
ี
การทุจริตเชิงนโยบาย
ประเทศไทยมีความพยายามแก้ไขปัญหาการทุจริตโดยหน่วยงาน
ี
ื
�
�
ท่เก่ยวข้องได้ร่วมกันสร้างเคร่องมือกลไก และกาหนดเป้าหมายสาหรับการ
ี
ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เร่มต้งแต่ช่วงปี
ิ
ั
พ.ศ. 2551 จนถึงปัจจุบันการด�าเนินงานได้สร้างความตื่นตัวและเข้ามามีส่วน
ร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามบทบาทของแต่ละหน่วยงาน
�
จึงมีความจาเป็นอย่างย่งท่จะต้องปรับฐานความคิดและสร้างความตระหนักรู้
ี
ิ
ให้ทุกภาคส่วนของสังคม
�
สาหรับประเทศไทยได้กาหนดทิศทางการป้องกันและปราบปรามการ
�
ึ
ทุจริตซ่งมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
วัฒนธรรม และความรุนแรง รวมถึงการสร้างความตระหนักในการประพฤต ิ
้
�
ี
ื
ั
ปฏิบัติตนด้วยความซ่อสัตย์สุจริตของคนในสังคม ท้งน สานักงาน ป.ป.ช.
ุ
ิ
ั
�
ิ
ในฐานะองค์กรหลกด้านการดาเนนงานป้องกนและปราบปรามการทจรต
ั
6