Page 52 - เล่ม 1
P. 52
ิ
ี
ื
ิ
ี
่
่
ศรอยุธยา โดยให้กรมวัง หรอกระทรวงวังเปนผู้รบผดชอบในการพจารณาวาคดใดควรขึ้นศาลใด แล้วสงคดไป
็
ั
ี
็
่
่
ยังศาลกรมนั้นๆ โดยได้แบงงานศาลออกเปน ๒ สวนใหญ่ ๆ คือ
่
้
ฝายรับฟอง
ื
ี
่
่
ิ
ิ
ี
ู
่
มีหน้าทในการเขียนค าฟองและพจารณารปคดวาควรจะฟองหรอไม่ ก่อนจะสงขึ้นศาลเพอพจารณา
้
่
ื
้
ื่
ู
เรองปรับไหมและลงโทษผ้กระท าผิด
่
ฝายตรวจส านวนและพิพากษา
็
่
ิ
ี
ู
่
ฝายน้เดมเปนหน้าทของพราหมณ์ผ้เชยวชาญกฎหมายแขนงตางๆ จ านวน ๑๒ คน โดยเรยกวา "ลูกขุน ณ
่
ี
ี
ี
่
่
ี
ี
่
่
ี
่
ี
ี
่
ศาลหลวง" ตอมาได้มีคนไทยทเชยวชาญกฎหมายเข้ามาท าหน้าทน้ด้วย คณะลูกขุน ณ ศาลหลวงน้จะไม่มีอ านาจ
ในการปรับหรอลงโทษแต่อย่างใด
ื
็
อย่างไรก็ตาม ในรัชกาลของพระเจ้าตากสน พระองค์จะทรงใช้ ศาลทหาร เปนสวนใหญ่โดยใน การ
่
ิ
่
้
ู
ุ
ี
ุ
ั
ั
ิ
้
ตัดสนคดทกคร้ง แม้พระองค์จะตัดสนใหลงโทษสงสดแล้ว แตก็จะมีรบส่งใหทยอยการลงโทษจาก ขั้นต าสด
ุ
ิ
ั
่
้
ึ
ั
ก่อน ซงหลายคร้งจะปรากฏวานักโทษทมีความผดรายแรงก็มักจะได้รบการพระราชทานอภัยโทษ หนักโดยให ้
่
ิ
ี
่
่
ั
็
ไปกระท าการอย่างอื่นเปนการไถ่โทษแทน
้
่
ดานการตางประเทศ
กัมพูชา
เมือเสยกรงศรอยุธยาแก่พม่าในปพทธศักราช ๒๓๑๐ กัมพชาซงถือเปนเมืองขึ้นของไทยตั้งแตสมัย
่
ึ
ุ
่
็
ี
ี
ี
ู
่
ุ
อยุธยา ได้ตั้งตัวเปนอิสระ สงผลใหไทยต้องจัดทัพไปตเมืองเขมรหลายคร้งหลายคราว จนกระทั่งพทธศักราช
็
่
ุ
ั
้
ี
ิ
ิ
๒๓๒๔ สมเด็จพระเจ้าตากสนทรงมีพระราชประสงค์จะผนวกดนแดนเขมรเข้ามารวมอยู่ในพระราชอาณาจักร
็
ิ
ี
ี
ุ
ไทย โดยเด็ดขาด แต่ยังมิทันส าเรจสมดังพระราชประสงค์ก็ส้นสมัยธนบรลงเสยก่อน
จีน
ิ
็
สัมพันธภาพระหว่างสมเด็จพระเจ้าตากสนและราชวงศ์ชง อาจจ าแนกได้เปน ๓ ระยะ ตามกาลเวลาและ
ิ
พัฒนาการของเหตุการณ์